fbpx

20 คำและประโยคภาษาอังกฤษง่ายๆ ที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน

Writer : buubae
: 15 สิงหาคม 2561

ภาษาอังกฤษเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็น เวลาที่จะติดต่อ หรือพูดคุยกับชาวต่างชาติก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร และการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อปลูกฝังลูกๆ ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจเช่นกัน วันนี้เรามาดูดีกว่าว่ามีคำศัพท์หรือประโยคไหนที่นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้บ้างจ้า

Good Morning = สวัสดีตอนเช้า

เป็นประโยคสำหรับทักทายตามช่วงเวลาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Good Morning (สวัสดีตอนเช้า) , Good Afternoon (สวัสดีตอนกลางวัน), Good Evening (สวัสดีตอนเย็น) ส่วน Good Night จะมีความหมายว่า ราตรีสวัสดิ์นั่นเองจ้า

How are you? = เป็นยังไงบ้าง

เป็นประโยคง่ายๆ สำหรับถามไถ่คู่สนทนาเกี่ยวกับชีวิตทั่วๆ ไป (คล้ายๆ กับเวลาที่เราเจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันซักพักแล้วเราถามว่า “เฮ้ย เป็นยังไงบ้างแก” เพื่ออัพเดตสารทุกข์สุกดิบของเพื่อนนั่นเอง) และประโยคนี้มักจะใช้กับคนที่เรารู้จัก หรือ เคยเห็นหน้ากันอยู่แล้วจ้า

How do you do? = เป็นยังไงบ้าง

สำหรับประโยคนี้ก็จะคล้ายๆ กับ How are you? แต่จะต่างกันตรงที่ส่วนใหญ่มักจะใช้ How do you do? กับคู่สนทนาที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก และมักจะใช้เป็นคำทักทายคู่สนทนา ซึ่งการตอบกลับก็สามารถตอบได้หลายแบบ แต่ส่วนใหญ่จะตอบกลับด้วย How do you do เช่นกัน

What’s up = ว่าไง?

สำหรับคำว่า What’s up? เป็นประโยคที่ไว้ถามไถ่คู่สนทนา ซึ่งสามารถบิดความหมายไปได้หลายความหมายแล้วแต่กรณีไป แต่คำนี้เหมาะสำหรับพูดกับเพื่อนๆ ไม่ค่อยเหมาะเวลาพูดกับผู้ใหญ่ หรือผู้ที่อาวุโสกว่าจ้า

Thank you = ขอบคุณ

เป็นคำที่ได้ยินกันบ่อยมากๆ (พอๆ กับ Hello / Hi ) ซึ่งความหมายก็ตรงตัวคือ “ขอบคุณ” นั่นเอง แต่ถ้ารู้สึกเบื่อไม่อยากพูดว่า Thank you อย่างเดียว ลองใช้คำว่า Thanks ก็ได้เช่นกัน

You’re welcome = ไม่เป็นไร

สำหรับประโยค You’re welcome มักจะใช้ตอบรับคำขอบคุณ เช่น เมื่อคู่สนทนาบอกว่า Thank you เราก็จะตอบว่า You’re welcome เพื่อตอบรับคำขอบคุณ

แต่อย่าสับสนใช้ you’re welcome กับคำขอโทษล่ะ เช่น เมื่อมีคนมาเดินชนแล้วบอกว่า I’m sorry แล้วเราตอบกลับว่า you’re welcome จะกลายเป็นว่า เราไปขอบคุณสำหรับการเดินชนในครั้งนี้… ซึ่งก็ไม่น่าใช่นะ ฮาาา… (ในกรณีนี้ใช้ว่า Never mind / That’s right แทนจ้า)

Where are you from? = คุณมาจากที่ไหน?

ประโยคคำถามที่ไว้ถามคู่สนทนาว่าคุณมาจากที่ไหน ซึ่งเราจะคุ้นหูมากๆ ตอนเรียนคาบภาษาอังกฤษ โดยที่แต่ละคนก็จะตอบเป็นสถานที่ต่างๆ ว่ามาจากที่ไหนบ้างนั่นเอง

What time is it now? = ตอนนี้กี่โมงแล้ว?

อีกประโยคที่มักจะเจอเมื่อมีชาวต่างชาติมาถามว่ากี่โมงแล้ว ซึ่งวิธีการตอบเกี่ยวกับเวลาก็มีหลายวิธี แต่วิธีที่ง่ายที่สุดคือ บอกเป็นตัวเลขตรงๆ เลยก็ได้ ชาวต่างชาติเข้าใจชัวร์!

What is it? = อันนี้คืออะไร?

อีกประโยคง่ายๆ ที่หลายคนมักจะใช้ถามว่าสิ่งของนี้คืออะไร แต่อย่าสับสนและเอาไปใช้ถามว่าคนนี้คือใครว่า What is it? (อันนี้คืออะไร) ซึ่งที่ถูกต้องคือ Who is he/she/that? จ้าาา

Do you like it ? = คุณชอบมันไหม?

ประโยคคำถามที่ไว้ถามถึงความชอบบางอย่าง เช่น เมื่อเพื่อนคุณทำอาหารมาให้ชิม แล้วถามว่า Do you like it? ซึ่งก็แล้วแต่ว่าเราชอบหรือไม่ชอบก็ตามความคิดของตัวเองเลยจ้า

(จริงๆ แล้ว Do you like it? สามารถใช้ได้หลายๆ อย่างที่ไม่ใช่แค่ความชอบของอาหารก็ได้นะ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์)

That sounds great = ฟังดูเยี่ยมนะ! , เป็นความคิดที่ดี

ประโยคตอบรับเวลาที่มีคนเสนอความคิดที่น่าสนใจแล้วเรารู้สึกว่า เฮ้ย โอเคนะ เช่น มีคนไปชวนดูหนังเรื่อง Girls Don’t Cry เย็นนี้ แล้วเรารู้สึกว่า โอเคกับความนี้ เราก็ตอบไปว่า That sounds great เพื่อเสริมว่า เฮ้ย ฟังดูเยี่ยมดีนะ นั่นเอง…

Are you hungry? = คุณหิวไหม?

ประโยคคำถามง่ายๆ ที่ความหมายตรงตัวว่า คุณหิวรึเปล่า? ซึ่งจะใช้กับพวกอาหาร แต่ถ้าเรากระหายน้ำ ก็จะใช้คำว่า Are you thirsty? แทน

และคำว่า Hungry กับ Hungary คือคนละคำกันนะ อย่าสับสน

Could you pass me …., please? = คุณช่วยส่ง …. มาให้ฉันหน่อยได้ไหม?

เวลาที่อยู่บนโต๊ะอาหารแล้วเราอยากได้ของอย่างเช่นพริกไทยที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ การใช้ประโยค Could you pass me pepper, please? ถือว่าเป็นคำขอที่สุภาพ และอย่าลืมพูด Thank you เมื่อมีคนหยิบของมาให้นะ

On the way = กำลังเดินทาง

เป็นประโยคพูดที่ไว้ใช้ในกรณีที่เดินทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง เช่น เมื่อคู่สนทนาถามว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนแล้ว การตอบ On the way ก็เหมือนกับการอัพเดตคู่สนทนาว่า กำลังเดินทาง แต่ถ้าให้ละเอียดขึ้นไปอีกก็เพิ่มสถานที่ไปอีกนิดนึงก็ได้ เช่น on the way to Siam เป็นต้น

All set = เรียบร้อยแล้ว, พร้อมแล้ว

คำว่า all set มักจะใช้เวลาที่บอกว่าตัวเองเตรียมตัวเรียบร้อย พร้อมที่จะทำอะไรบางอย่าง เช่น I’m all set to see the movie tonight (ฉันพร้อมแล้วที่จะไปดูหนังในคืนนี้) เป็นต้น

I have no idea = ฉันไม่รู้เลย

มักจะใช้เวลาที่ตอบกับคู่สนทนาเมื่อมีคำถามที่ตัวเองตอบไม่ได้ หรือไม่มีความเห็นอะไรเลย แต่ถ้าเกิดในกรณีที่มีคนถามถึงไอเดียที่จะเสนอ เราจะใช้คำว่า I don’t have any ideas. แทน

Watch Out! = ระวัง!

สำหรับคำว่า Watch out จะใช้ในกรณีที่เตือนให้ระมัดระวังสิ่งต่างๆ ซึ่งคำว่า Look out ก็มีความหมายเดียวกัน

As soon as possible = เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

เป็นคำ adverb ที่ไว้ขยายความเร็วต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการกระทำอะไรบางอย่างนั่นเอง

Have a good day = ขอให้เป็นวันที่ดีนะ

เป็นประโยคอวยพร ทิ้งท้ายบทสนทนาอวยพรให้คนที่คุยมีวันที่ดีนะ

 

 

Writer Profile : buubae

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save