fbpx

6 ข้อที่พ่อแม่ไม่ควรให้ลูกทำเมื่อไปเดินห้าง

Writer : nunzmoko
: 18 กุมภาพันธ์ 2562

ช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เป็นช่วงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่มีเวลาพาลูกไปเดินที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของใช้บ้าง ออกไปเที่ยวเดินเล่น หรือทานอาหารบ้าง แต่ด้วยวัยเด็กที่มีความซุกซนอาจก่อเรื่องจนเป็นอันตรายต่อทั้งตัวเด็กเองหรือคนอื่นๆ ได้  ซึ่ง 5 เรื่องที่นำมาฝากกันในวันนี้ เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรปล่อยให้ลูกทำอย่างยิ่งเมื่อไปเดินห้างค่ะ

1. ปล่อยลูกเดินไปจนลับตา

การปล่อยลูกให้เดินหรือวิ่งนำไปก่อน จนลับตา บางทีเราคิดว่าแค่เดินตามก็ทัน คิดว่าลูกจะหยุดรอข้างหน้า หรือวิ่งกลับมาหา ซึ่งการทำแบบนี้อันตรายมาก เพราะลูกอาจวิ่งไปชนคนอื่น หรือชนอะไรจนทำให้บาดเจ็บ ของเสียหาย หรือที่แย่กว่านั้นคือโดนคนแปลกหน้า โจรขโมยเด็กลักพาตัวไปได้

2. วิ่งเล่นบนบันไดเลื่อน

คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองไม่ควรปล่อยให้ลูกกระโดด หรือวิ่งเล่นขึ้นลงบนบันไดเลื่อน เพราะอาจเกิดอันตรายได้ และเป็นการรบกวนคนอื่นๆ ซึ่งการเตือนลูกบางทีอาจจะไม่ได้ผล ดังนั้นถ้าอยากให้ลูกหยุดวิ่งเล่นบนบันไดเลื่อน คุณพ่อคุณแม่ต้องจับมือลูกไว้ แล้วพูดกับลูกดีๆ อ่อนโยนว่าถ้าหนูเล่นจะทำให้หนูเจ็บได้นะคะ

3. ปล่อยลูกอยู่กับรถเข็นคนเดียว

ปล่อยลูกเข็นรถเข็น หรือนั่งอยู่บนรถเข็นในห้างเองคนเดียว เป็นสิ่งที่คุณแม่ต้องระวังค่ะ เพราะลูกอาจจะปืนไปหยิบ หรือเอื้อมหยิบของจนทำให้ตกจากรถเข็นได้ หรืออีกกรณีคือให้ลูกเข็นรถเข็นคนเดียว กำลังแขนขาของเด็กยังไม่แข็งแรง ลูกอาจเข็นไปชนของหรือคนคนอื่นได้รับบาดเจ็บได้ค่ะ

4. อยู่ใกล้ผนังกระจก

เวลาไปเดินห้าง ส่วนใหญ่ร้านค้าจะเป็นผนังกระจกหรือมีประตูบานเลื่อนเป็นกระจก ซึ่งเคยมีข่าวของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในนครเฉิงตูของจีน โดยเด็กสองคนกำลังเล่นกันอยู่หน้าประตูร้าน แม่เด็กกำลังยืนดูสินค้า ซึ่งจังหวะที่เด็กเข้าไปเลื่อนประตูกระจกร้าน ประตูกระจกบานนั้นกลับแตกละเอียดใส่หน้าเด็กชาย ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ส่งผลต่อจิตใจกลายเป็นเด็กไม่ร่าเริงและเก็บตัวหลังอุบัติเหตุ

5. กดลิฟท์เล่น

ทั้งการปล่อยลูกขึ้นลิฟท์ไปคนเดียว หรือ ปล่อยให้ลูกกดหมายเลขชั้นในลิฟท์ทุกชั้น กดปุ่มอื่นๆ ในลิฟท์เล่น เพราะนอกจากจะทำให้เสียเวลาสำหรับผู้ใช้ลิฟท์ด้วยกันแล้ว อาจทำให้ลิฟท์ขัดข้องเกิดอันตรายได้

6. ปล่อยลูกวิ่งเล่นในร้าน

อาจจะได้เห็นบ่อยๆ เวลาไปตามห้างที่จะมีเด็กวิ่งวนในร้าน  ซึ่งถ้าปล่อยให้ลูก วิ่งเลาะไปมาตามแผนกขายของ ชั้นวางของ ลูกอาจชนคนอื่น ชนของได้รับความเสียหายได้ คุณพ่อคุณแม่ควรจับมือลูกเดิน ให้เดินไปด้วยกัน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและเป็นการไม่รบกวนผู้อื่นอีกด้วยค่ะ

ถ้าหากลูกไม่เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ ก็ควรใช้วิธีเตือนหรือตัดสิทธิต่างๆ ที่ลูกชอบ เช่น พาไปเที่ยว กินขนม หรือให้โควต้าซื้อของเล่น แต่ไม่แนะนำให้ใช้วิธีรุนแรงอย่าง การตีเด็ก ไม่ว่าจะตีแรง หรือเบา มีงานวิจัยทางการแพทย์ พบว่าเด็กที่ถูกตีบ่อยๆ จะมีไอคิวต่ำกว่าเด็กที่ไม่ถูกตี เด็กอาจเงียบชั่วคราว แต่แล้วความกลัวจะเข้ามาแทนที่ คราวนี้ก็จะร้องต่อ ซึ่งแน่นอนดังกว่าเดิม อีกทั้งยังส่งผลให้มีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ตอนโตอีกด้วยค่ะ

ที่มา :

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



วิธีรับมือเมื่อลูกอาละวาด
เด็กอายุ 2-5 ขวบ
พาทัวร์โปรโมชั่นเด็ดงาน Baby&Kid Best Buy 1-4 มิ.ย.
เตรียมตัวเป็นแม่
8 กีฬาฝึกลูกไว้ไม่มีเชย
กิจกรรมของครอบครัว
8 หนังสือนิทานอีสปสอนใจเด็กๆ
กิจกรรมของครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save