พาลูกเข้าวงการดีไหม เมื่อใครๆก็ชมว่าลูกเราน่ารักขนาดนี้

: 7 กรกฏาคม 2560

หลายคำชมลูกเราช่างหน้าตาดี แถมเราไม่ได้คิดไปคนเดียว ใครเจอใครทัก น่ารักขนาดนี้พาเข้าวงการเถอะแม่ แล้วจะพาเข้าทางไหนดีล่ะเนี่ย มาๆ เราจะชี้ช่องให้คุณพ่อคุณแม่เองค่ะ

ถ้าถามว่าลูกเราหน้าตาดีที่สุดในสายตาเราเสมอ มันก็จะมีเอียงๆ กันบ้าง เข้าข้างนิดๆ ตามประสาคนเห่อลูก และลูกเราย่อมน่ารักตลอดเวลา(ในสายตาเรา) แต่ถ้าเด็กคนไหนที่หน้าตา น่ารัก สวย หล่อ ดูดีไปกว่าเกณฑ์เด็กๆทั่วไป (ลองมองแบบคนทั่วไปมองลูกเรา) ก็น่าจะดันเข้าวงการบันเทิงเสียเลย ถ้าอย่างนั้นลองมาดูกันดีกว่าว่าหนทางสู่ดวงดาวมีรายละเอียดอะไรบ้าง

ทำความรู้จักกับโมเดลลิ่ง

โมเดลลิ่ง คืออะไร คุณแม่เองก็ได้ยินมาตั้งแต่สมัยสาวๆ สมัยนั่งรอแมวมองมาประสบพบเจอที่บันไดสยามเซ็นเตอร์ อร้ายย นานมากแล้วขุ่นแม่ โป๊ะ!! ซึ่งในยุคก่อนนี้ธุรกิจนิตยสารยังรุ่งเรืองเฟื่องฟู จึงเป็นเส้นทางที่ง่าย ไม่ต้องลงทุนอะไร แค่ส่งรูปลูกเข้าไปให้กองบรรณาธิการ แล้วถ้าลูกคุณเข้าตา โอกาสที่ลูกคุณจะได้รับเลือกก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าส่งไปเล่มนึงแล้วยังไม่เข้าตา ก็ส่งไปอีกหลายๆเล่ม หรือเล่มเดิมก็ได้ สักวันต้องเป็นของเรา อย่าท้อถอยซะก่อน

จนมาถึงยุคทองแห่งโลกโซเชี่ยล ก็เบียดนิตยสารจนล้มหายตายจากไปทีละเล่มสองเล่ม เกิดเว็บไซด์เกี่ยวกับแม่และเด็กขึ้นมาแทน การเข้าวงการโดยการได้ลงปกนิตยสาร จึงเป็นเรื่องที่ลดความนิยมไปมาก สมัยนี้ถ้าอยากเข้าวงการแบบจริงจัง คงหนีไม่พ้นการใช้บริการโมเดลลิ่ง

งานในวงการเด็กๆ มีเยอะแยะมากมายจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นนิตยสารแม่และเด็กต่างๆ เว็บไซต์ สื่อออนไลน์แม่และเด็ก งานโฆษณานม ผ้าอ้อมสำเร็จรูป สบู่ แชมพู อาหารเสริม ฯลฯ หรืองานโฆษณาสินค้าทั่วๆไป แต่มีเด็กอยู่ในเนื้อเรื่องด้วย และงานถ่ายแบบ เดินแบบ แฟชั่นต่างๆ ไปจนงานหนัง งานละคร เป็นตลาดที่เปิดกว้าง และต้องการเด็กๆมาร่วมงาน

เด็กทั่วๆไป ที่พ่อแม่ไม่เคยได้สัมผัสกับวงการนี้มาก่อนเลย เป็นพ่อแม่ทั่วไปที่ทำงานทั่วไป ไม่เคยข้องแวะวงการบันเทิง ไม่เคยรู้ว่าอยากพาลูกเข้าไปทำงานต้องทำอย่างไร ส่วนใหญ่จะเริ่มจากติดตามกิจกรรมของนิตยสารต่างๆ ที่มักจะมีให้คุณพ่อคุณแม่ส่งรูปลูกน้อย เข้าไปให้เพื่อจะคัดเลือกมาถ่ายปก ถ่ายแฟชั่น หรือ ถ่ายคอลัมน์

แมวมองสมัยนั้น กับ โมเดลลิ่งสมัยนี้ต่างกันนะคะ เพราะสมัยก่อนแมวมอง ต้องคอยมองหาคนสวยๆ หล่อๆ แล้วชักชวนมาทำงาน แต่โมเดลลิ่งในสมัยนี้นั้น คุณต้องวิ่งเข้าไปหาเค้านะคะ คุณถึงจะมีโอกาสทำงาน โมเดลลิ่งมีมากมายหลายที่ แต่ในบทความนี้ เราจะเน้นแต่โมเดลลิ่งที่เน้นส่งงานเด็กๆ มาบอกกันนะคะ

การสมัครเข้าเป็นแบบในสังกัดโมเดลลิ่ง ต้องทำอย่างไร

ไม่ยากค่ะ เมื่อเรามีข้อมูลที่เราหามาได้แล้วว่าโมเดลลิ่งเด็กมีใครบ้าง เราก็เสริช facebook) ค่ะ แล้วก็แอดเฟรนด์ แอดไม่ได้ก็กดฟอลโล่กันไปค่ะ เพราะส่วนใหญ่คนที่เป็นโมเดลลิ่งจะมีคนแอดเฟรนด์เยอะมากจนเพื่อนเต็ม ถ้าเพื่อนเต็มแล้วเราจะแอดเค้าเป็นเพื่อนไม่ได้แล้วค่ะ ถามว่าทำไมต้องแอดเฟรนด์โมเดลลิ่งด้วย ก็เพราะเวลาโมเดลลิ่งมีงานเข้ามาก็จะประกาศหาแบบในเฟสบุคค่ะ เช่น

งานนม ต้องการเด็กชาย อายุ 3-5 ปี ลูกครึ่งหรือไทยตาโต ผิวขาว สูงไม่เกิน 115 cm
บัดเจท 35,000 บาทรวมโม รวมภาษี
แคส 20 มิย. ต๋อมสตูดิโอ
ฟิตติ้ง 1 กค. ถ่าย 3 กค.
ใครรูปผ่าน เรียกแคสนะคะ
ใครสนใจ คิวได้ โพสต์คอมการ์ดในคอมเม้นท์ได้เลยค่ะ

ทีนี้ถ้าลูกเราคุณสมบัติตรงเราก็ลุยเลยค่ะ ไปโพสต์รูปลูกเราไว้ พร้อมเบอร์ติดต่อ ถ้าลุคเราตรงที่เค้าตามหา เค้าก็จะเรียกเราให้เข้าไปทำการแคสกับทีมแคสติ้งค่ะ ซึ่งวิธีการสมัครอีกวิธีหนึ่ง คือ กับโมเดลลิ่งเราสามารถไปฝากรูป ประวัติ เบอร์ติดต่อไว้กับแต่ละโมเดลลิ่งได้นะคะ หากมีงานไหนลุคตรงเค้าอาจจะเรียกเราให้ไปแคสได้ค่ะ เพราะบางโมเดลลิ่งก็ไม่ได้ใช้วิธีการโพสหาที่หน้าเฟสบุคก็มีค่ะ

“ลูกคุณเเม่น่ารักมาก”
“น้องหล่อเหมือนดาราเลยค่ะ”
“ลูกน่ารักขนาดนี้ พาเข้าวงการดังเเน่นอนเลยค่ะ”

ถึงจะได้ยินคำชมมาอย่างหนาหูเเล้ว ก็ยังต้องมีการส่งรูปก่อนเป็นประการแรก รูปนั้นจึงสำคัญที่สุด ต่อให้ลูกเราน่ารักแค่ไหนแต่รูปนั้นไม่ได้ส่งเสริมความน่ารักเราเลย หรือดูแก่แดดเกินเด็ก หรือดูสวยงามกว่าที่ควรจะเป็นมาก ผ่านสารพัดแอป โอกาสที่จะถูกเรียกแคสก็คงน้อยถึงน้อยมาก ดังนั้น การมีรูปโปรไฟล์เพื่อใช้ส่งงานที่ดี จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

ซึ่งปัจจุบันก็มีบริการถ่ายรูปโปรไฟล์จากโมเดลลิ่งบริการด้วยค่ะ เปิดเป็นรอบๆ มีค่าบริการ ซึ่งก็เป็นจำนวนไม่มาก และคุณก็จะเข้าไปมีรูปและประวัติในโมเดลลิ่งนั้นทันที ก็ถือเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว แถมรูปที่ใช้ส่งงานก็เป็นไปตามมาตรฐานการส่งงานอีกด้วยค่ะ แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่บ้านไหนมีฝีมือในการถ่ายภาพอยู่แล้ว ก็จัดเองเลยค่ะ ไม่ต้องเสียเงิน

การแคสติ้ง สิ่งสำคัญที่ต้องรู้

มาต่อด้วยเรื่องของการแคส แคสคือทำอะไรเหรอคะ แคสคือ การไปเทสหน้ากล้อง แสดงตามที่แคสติ้งสั่งต่อหน้ากล้องและทีมแคส โดยแคสติ้งจะทำการถ่ายรูป และ ถ่ายวิดิโอ หากลูกเราทำตามที่ทีมแคสสั่งได้ โอกาสการได้งานก็จะสูงตามไปด้วย และคนที่จะตัดสินว่าลูกเราจะได้งานหรือไม่นั้น ก็คือ ลูกค้า ที่มาว่างจ้างทีมแคสอีกที มีขั้นตอนเยอะมากในแต่ละงาน ไม่มีงานไหนได้มาง่ายๆ

แต่ถ้าอยากจะเข้าวงการนี้ก็ต้องลองกันสักตั้ง ซึ่งพ่อคุณพ่อคุณแม่ ได้ลองพาลูกไปแคสงานสักงานสองงานแล้วก็จะเริ่มคล่อง งานที่สามสี่ห้าหกเจ็ดก็จะตามมาอย่างไม่ขาดสาย เพราะงานเด็กๆ มีทุกช่วงอายุ และพอเด็กคนไหนที่ได้ไปแคสงานบ่อยๆ เด็กคนนั้นก็จะมีความกล้าแสดงออก ไม่ตื่นคน ไม่ตื่นกล้อง มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น หรือเป็นงานนั่นเอง