fbpx

7 วิธีการพูดคุยกับคุณตาคุณยายที่มาช่วยเลี้ยงหลาน

Writer : giftoun
: 25 กุมภาพันธ์ 2562

ด้วยสภาวะเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ทำให้คุณพ่อและคุรแม่ต่างต้องออกไปทำงานด้วยกันทั้งคู่ จึงทำให้มีการฝากคุณตาและคุณยายช่วยเลี้ยงหลานในเวลาทำงาน จะมีเรื่องอะไรบ้างที่ควรพูดคุยกับคุณตาคุณยายเกี่ยวกับการเลี้ยงดูหลานบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

ตกลงกติกาให้แน่ชัด

ก่อนที่จะให้คุณตาคุณยายที่มาช่วยเลี้ยงหลานนั้น คุณแม่ควรตกลงกติกากับท่านให้ชัดเจนเสียก่อน จะได้มีความเข้าใจที่ตรงกันค่ะ

ถ้าไม่แน่ใจให้คุยกับพ่อแม่ของหลานก่อน

ถ้าระหว่างที่เลี้ยงหลานนั้น คุณตาคูณยายเกิดไม่มั่นใจหรือไม่แน่ใจอะไร ขอให้คุยกับคุณพ่อคุณแม่เสียก่อน จะได้เป็นคนตัดสินใจหลักในแต่ละสถานการณ์ค่ะ

ไม่ควรจูบปากหลาน โดยเฉพาะตอนไม่สบาย

เพราะเชื่อโรคนั้นสามารถติดต่อได้ผ่านปาก อีกทั้งลูกยังมีภูมิคุ้มกันต่ำ สามารถติดโรคได้โดยง่าย ทางที่ดีไม่ควรจูบปากหลาน โดยเฉพาะตอนไม่สบายที่โรคนั้นติดต่อง่ายค่ะ

ลองให้คุยกับหลานบ้างเพื่อฝึกทักษะการพูด

เป็นธรรมดาที่คุณตาคุณยายนั้นจะรักหลานมาก ขอแค่หลานมองไปที่ใดคุณตาคุณยายก็พร้อมหยิบให้ทันที ทำให้เด็กไม่ได้ฝึกพูดและพูดช้ากว่าที่ควร คุณพ่อคุณแม่จึงควรบอกคุณตาคุณยายให้คุยกับหลานบ้างจะดีกว่าค่ะ

ไม่ควรใช้ปากกัดอาหารแล้วป้อนให้หลาน

บางทีคุณตาคุณยายก็หวังดีกับหลาน กลัวว่าหลานจะกินอาหารก้อนใหญ่เกินไป เลยใช้ปากกัดอาหารแล้วป้อนให้หลาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งเพราะจะทำให้ติดเชื้อโรคได้ค่ะ

ไม่ควรใช้ช้อนส้อม หลอด แก้วน้ำร่วมกับเด็ก

คุณตาคุณยายไม่ควรใช้ช้อนส้อม หลอด แก้วน้ำร่วมกับหลาน ผู้ใหญ่และเด็กควรแยกกันใช้ ทั้งนี้ควรใช้อุปกรณ์ หรือช้อนส้อมที่สะอาด ตัดอาหารให้เป็นชิ้นเล็กๆ ค่ะ

สอนให้ท่านใช้อุปกรณ์ต่างๆ ให้คล่อง

ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะให้คุณตาคุณยายเลี้ยงหลานนั้น ควรสอนให้ท่านใช้อุปกรณ์ต่างๆ ให้คล่อง เช่น เครื่องล้างขวดนม แพมเพิร์ส คาร์ซีท เป็นต้น จะได้ไม่มีปัญหาในการใช้งานค่ะ

ทั้งนี้การเลี้ยงลูกไม่ได้มีกฎตายตัวอะไร คุณตาคุณยายอาจมีแนวทางการเลี้ยงหลานที่แตกต่างจากคุณพ่อคุณแม่ไปบ้าง ขอให้ทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน แล้วหมั่นพูดคุยอย่างสม่ำเสมอก็จะทำให้การเลี้ยงลูกเป็นไปได้ด้วยดีค่ะ

ที่มา

Writer Profile : giftoun


  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



กิจกรรมของครอบครัว กิจกรรมของครอบครัว
8 ตุลาคม 2561
วิธีพาลูกขึ้นขนส่งสาธารณะครั้งแรก
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
เตรียมตัวเป็นแม่ เตรียมตัวเป็นแม่
13 พฤศจิกายน 2562
เลี้ยงลูกด้วยเสียงดนตรีดียังไง ?
กิจกรรมของครอบครัว
10 วิธี เลี้ยงลูกยังไงให้ฉลาด
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save