fbpx

7 ข้อ ที่คุณแม่เท่านั้นจะทำได้ ใครไม่ใช่แม่หลบไปแม่บอกเลย

Writer : parentsone
: 5 มีนาคม 2562

ว่ากันว่า เลี้ยงลูกตัวเอง มันไม่เหมือนเลี้ยงลูกคนอื่นนะ ที่อยากจะเล่นด้วยก็มาเล่น เบื่อแล้วก็อุ้มกลับมาคืนแม่เขา แล้วก็บ๊าย บาย  นี่มันเรื่องจริง เล่นกับลูกคนอื่น แสนจะน่ารัก อยากเล่นก็ไปขอเขาเล่น พอเหนื่อยแล้วเบื่อแล้วก็คืน พอเด็กงอแง งี่เง่าก็เลิกเล่นมันง่าย  ลองเป็นลูกเราสิ ทำไรได้บ้าง ก้มหน้าเลี้ยงไปนะคะคุณแม่ เป็นแม่ลูกกันแล้วไม่แคล้วกัน  มาลองดูกันนะคะว่า 7 ข้อที่แม่เท่านั้นที่ทำได้ ใครไม่ใช่แม่หลบไป จะมีอะไรบ้างนะ ไปดูกันเลยยยย

ส่งมาให้ฉัน ฉันรับไว้เอง

ในเวลาที่ลูกงี่เง่า งอแง หิว ง่วง ร้อน ไม่สบายตัว ไม่สบายใจ เบื่อ ไม่อยากเล่น หรือ อะไรก็แล้วแต่ ที่จะเริ่มเข้าสู่สถานการณ์ตึงเครียด อาละวาด ไม่น่ารัก ไม่เป็นที่ต้องการของใครๆ แม้กระทั่ง พ่อ ปู่ ย่า ตา ยาย หรือคนในบ้านที่เป็นคนเลี้ยงดูก็ตาม ทุกคนพอเจอเหตุการณ์นี้ ใครๆ ก็สามารถเดินหนีเจ้าเด็กน้อยงี่เง่าคนนั้นไปได้ โดยไม่สนใจ  เพราะนั่นไม่ใช่ลูกเขา และเขาเบื่อหน่ายที่จะจัดการกับเจ้าตัวยุ่งนี่แล้ว  ก็จะเป็นใครไปได้ ผู้ดูแลขจัดความไม่น่ารักออกไปจากลูกรัก ก็คงหนีไม่พ้น คุณแม่ คนดีของเจ้าตัวน้อยนั่นเอง  ผู้ไม่สามารถทอดทิ้ง หรือเพิกเฉยต่อความไม่น่ารักทั้งหลายทั้งปวงของลูกได้เลยจริงๆ

 

กินข้าวมือเดียวแบบสบายๆ

ใครเป็นแบบแม่บ้าง  อุ้มลูกกินข้าวเป็นเรื่องที่ทำประจำจนถือได้ว่าเป็นสกิลอย่างหนึ่ง ที่สามารถทำได้อย่างมั่นคงและแม่นยำ  ลูกสามารถหิวนม หรือ ง่วงนอนได้ตลอดเวลา และทุกที่ ทุกเวลา เกิดขึ้นบ่อยๆ ในเวลาออกไปกินข้าวนอกบ้าน ลูกมักจะมุดนมแม่และหลับ และแม่ก็ต้องใช้สกิลกินข้าวมือเดียว บางทีได้ข้างที่ถนัดก็พอโอเค แต่บางทีได้อีกข้างก็อาจทำให้ชีวิตแม่ลำบากขึ้นหนึ่งสเต็ป แต่แม่ก็สามารถทำได้ทุกสิ่ง เรื่องแค่นี้สบายๆ เลยค่ะ

 

อดนอนได้สามปีติดต่อกัน ( ตอนนี้แม่ห้าปีละ)

อันนี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาสหลังๆ ตอนท้องแก่ๆ แม่จะหลับยากขึ้น นอนไม่ค่อยได้ต้องนั่งหลับ พอคลอดออกมาแล้วก็ต้องคอยตื่นมาให้นมลูก ปั๊มนม ตื่นมาดูลูกเป็นระยะๆ นอนหลับไม่เคยสนิท ตั้งแต่ลูกเล็ก จนถึงลูกโต เวลาลูกป่วยยิ่งไม่ต้องพูดถึง ต้องคอยวัดไข้ทุกสี่ชั่วโมง คอยเช็ดตัว ป้อนยา จนมาถึงตอนนี้ ตอนที่ลูกห้าขวบแล้ว ก็ยังไม่เคยได้นอนแบบหลับสนิทและนอนยาวๆ เลย จริงๆ มันคงเป็นความกังวล ห่วงใยลูกที่คอยวนเวียนอยู่ตลอดในใจแม่ ที่สั่งให้ร่างกายคอยตื่นมาเป็นระยะๆ เสมอๆ นั้นไงละคะ

 

สะพายลูกตลอดทริป เดินได้เป็นหลายสิบกิโล

เมื่อคุณเป็นแม่ลูกอ่อนที่อยากเที่ยว แน่นอนกิจกรรมการพาลูกเที่ยวต้องมา ไอเท็มฮิตคือรถเข็นและเป้อุ้ม ซึ่งเด็กเล็กๆ ส่วนใหญ่จะทนอยู่ในรถเข็นไม่ได้นาน และจะร้องให้อุ้มอยู่เสมอๆ และเป็นใครไปไม่ได้ ที่ลูกน้อยจะร้องหาให้อุ้ม ก็คุณแม่ไงคะ อุ้มใส่เป้ เดินๆๆๆ แรกๆ ก็ดีนะ ยังแรงดี เดินชมนกชมไม้ ช้อปปิ้งเพลินๆ  แต่เดินไปอีกสักสี่ห้ากิโล เริ่มไม่เพลิน และพอจะเปลี่ยนให้พ่อแบกบ้าง ลูกก็แหกปากร้องระงมเลยค่ะ  เอาไงล่ะทีนี้ ก้มหน้าแล้วก็สะพายลูกต่อไปนะคุณแม่ๆ  รับรองจบทริป แม่เอวคอด แถมน้ำหนักลดอย่างแน่นอนค่ะ แถมมาด้วยอาการปวดหลังปวดเอวในทุกวันของการเดินทางเลยล่ะค่ะ  แต่อยากเที่ยวต้องอดทนยังไงล่ะคะ

 

นั่งรถไปไหนๆ ใกล้ไกล ไม่เคยหลับ

เมื่อก่อนตอนยังไม่มีลูก นั่งรถไกลนิดไกลหน่อยก็อยากจะหลับ ก็แอร์มันเย็น เพลงเพราะๆ นั่งใกล้ๆ คนรู้ใจ อยากซบไหล่เบาๆ หลับตาพริ้ม  แต่พอมีลูกนั่งอยู่ในรถด้วย แม้จะนั่งในคาร์ซีทที่แสนจะปลอดภัย  แม่คนนี้ก็ไม่เคยหลับตาลงอีกเลย ด้วยความเป็นห่วงลูก และพ่อของลูกคนขับรถ ว่าจะง่วงไหม  ขับไหวหรือเปล่า จะหลับในไหมนะ คุณแม่คนนี้จึงต้องถ่างตานั่งไปเป็นเพื่อน คอยเป็นเพื่อนคุย ดูทาง เพื่อไม่ให้คนขับเบื่อและง่วงนอน ที่ทำไปก็ไม่ใช่เพราะอะไร ก็เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกน้อยนั่นเองค่ะ

 

ไม่เคยห่วงสวยอีกเลย ยอมรับความงามตามธรรมชาติ

เมื่อเป็นแม่แล้ว เราไม่มีเวลาคิด เวลาทำสวยหรอกจริงไหมคะ แค่ดูแลลูกทั้งวันทั้งคืน เวลากินข้าว อาบน้ำ เข้าห้องน้ำยังไม่ค่อยจะมี จะเอาเวลาที่ไหนไปคิดแต่งหน้าแต่งตัวให้สวยเฉิดฉายกันเล่า คนเป็นแม่มักจะยอมรับความสวยงามตามธรรมชาติ มีมาเท่าไหนก็เท่านั้นแหละ ไม่ต้องมีมากขึ้น แค่อย่าให้มันลดลงไปมากนักก็พอนะคะ

 

เป็นเพื่อนสนิทกับโรคเหน็บชา

การนั่งท่าเดียวนานๆ ของคุณแม่ๆ เป็นเรื่องปกติ อุ้มลูกหลับ ให้นมลูก หรือลูกจะนอนทับบนตัวแม่ ท่าไหนท่านั้น ขยับก็ไม่ได้กลัวลูกตื่น ก็ต้องทนนั่งหรือนอนท่านั้นไปจนกว่าลูกจะตื่น ทำให้เป็นเหน็บชาได้ง่ายๆ ได้ทุกเมื่อ เป็นทุกวัน เป็นบ่อยๆ จนเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกันไปเลยจริงๆ นะ  เมื่อตอนก่อนเป็นแม่รู้สึกว่าการเป็นเหน็บชามันทรมานจัง ตอนนี้หรือ เหน็บชานี่เฉยๆ มาก มาเลย แม่รับไหว มาอีกห้าเหน็บเลย สบายมากค่ะ

ทั้ง 7 ข้อ ของแม่ๆ เท่านั้นจริงๆ ที่ทำได้  ไม่มีใครจะทำแทนแม่ได้จริงๆ นะคะ  บางทีแม่ก็คิดนะว่าทำไมคนเป็นแม่จะถึก จะทน จะทาน หรือจะทำอะไรได้มากมายขนาดนี้เลยเหรอ จนมาเป็นแม่เองจึงรู้ว่า เรื่องราวที่ยากแสนยาก ที่เราไม่เคยคิดว่าเราจะทำได้ แต่พอมาถึงตอนนี้ มันไม่มีอะไรยาก และไม่มีอะไรพ้นมือแม่คนนี้ไปได้ เชื่อแม่สิคะ

Writer Profile : parentsone

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



16 พฤศจิกายน 2563
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save