fbpx

อันตราย! 8 ข้อห้ามที่คุณแม่หลังคลอดต้องระวัง!!

Writer : Phitchakon
: 11 พฤศจิกายน 2565

นับตั้งแต่วินาทีที่ลูกออกมาทักทายโลกกว้าง คุณแม่คงจะวิ่งวุ่นพะว้าพะวังห่วงหน้าห่วงหลังอยู่แต่กับเจ้าตัวน้อย โดยหลงลืมไปว่าสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือสุขภาพของตัวเองที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทั้งในด้านสภาพร่างกายและจิตใจ ซึ่งการละเลยส่วนนี้ไปก็อาจส่งผลอันตรายและบานปลายไปถึงลูกได้เช่นกัน

วันนี้ Parents One รวบรวม 8 ข้อควรระวังที่คุณแม่หลังคลอดไม่ควรทำ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และคุณลูกเองนะคะ มาดูกันสิว่ามีเรื่องอะไรกันบ้าง เป็นพฤติกรรมที่พลั้งเผลอทำโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า เพื่อจะได้แก้ไขระมัดระวังได้ทันท่วงที

ห้ามยกของที่มีน้ำหนักมากกว่าทารก

เมื่อเรายกของหนักๆ จะต้องเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณท้องซึ่งอาจทำให้แผลผ่าตัดปริ หรือฉีดกขาดได้ และหากถามว่าต้องรอนานแค่ไหนถึงจะกลับมายกของได้ตามปกติ คำตอบคือหลังคลอดไปแล้วประมาณ 1 เดือนค่ะ แผลผ่าคลอดจะสมานและมดลูกของคุณแม่จึงจะกลับเข้าที่เข้าทาง ระหว่างนี้ถ้ามีความจำเป็นต้องยกข้าวของควรวานให้คนในบ้านช่วยเหลือจะดีกว่าค่ะ

ห้ามหักโหมออกกำลังกายอย่างหนัก

ในระยะพักฟื้น 6 สัปดาห์แรก การเคลื่อนไหวร่างกายจะช่วยให้มีเลือดมาหล่อเลี้ยงแผล ทำให้แผลค่อยๆ ดีขึ้น แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นคุณแม่ก็ไม่ควรหักโหมออกกำลังกายอย่างหนัก โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่เน้นช่วงหน้าท้อง แทนที่แผลจะดีขึ้นอาจปริ ฉีกขาด แย่ยิ่งกว่าเดิม รวมถึงทำให้เกิดภาวะมดลูกต่ำได้ ถ้าอยากออกกำลังกายจริงๆ ควรเลือกเป็นท่ากายบริหารที่เหมาะกับคุณแม่หลังคลอดโดยเฉพาะ หรือทำเพียงเดินเล่น ขยับแขนขาเบา ๆ

ห้ามนอนแช่น้ำในอ่าง

การนอนแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำนั้นแสนสบาย แต่คุณแม่ทราบไหมคะว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรทำหลังคลอด เพราะโดยปกติแล้ว ปากมดลูกของคนเราจะปิดสนิทเพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย แต่ช่วงหลังคลอดใหม่ๆ ปากมดลูกจะเปิดระบายน้ำคาวปลา ส่งผลให้เชื้อโรคและแบคทีเรียบางชนิดที่ปะปนมากับน้ำ หรือเกาะอยู่ตามอ่างอาบน้ำ สามารถผ่านเข้าไปเติบโตในร่างกายได้โดยง่าย แถมน้ำยังจะพัดพาเอาน้ำคาวปลามาปนเปื้อนตามผิวหนัง หรือหัวนม เวลาให้นมลูกก็อาจติดเชื้อได้

ห้ามอดหลับอดนอน

ทันทีที่ออกจากโรงพยาบาล คุณแม่มือใหม่มักมีอะไรให้ทำมากมายไปหมด งานบ้านงานครัว หรือแม้กระทั่งดูแลลูกอย่างเดียวก็กินเวลาไปทั้งวัน คุณแม่จึงควรจัดสรรเวลาการทำกิจกรรมต่างๆ และหาเวลาพักผ่อนฟื้นฟูร่างกาย เพื่อไม่ให้อ่อนเพลียจนเกินไป และควรมีคนคอยอยู่ประจำอยู่ที่บ้าน ให้ความช่วยเหลือหรือช่วยเลี้ยงเจ้าเด็กน้อยเสมอ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้คุณแม่เหนื่อยล้าจนอาจเกิดอาการหน้ามืด วูบหมดสติได้โดยไม่รู้ตัว

ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เป็นที่รู้กันดีว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ยิ่งกับคนที่เป็นคุณแม่แล้วถือเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ ขณะตั้งครรภ์ เช่นเดียวกันกับช่วงหลังคลอด เนื่องจากว่าแอลกอฮอล์จะทำให้น้ำนมน้อยลง และอย่าลืมนะคะว่าคุณแม่กินดื่มอะไรเข้าไปทารกก็จะได้รับสิ่งเหล่านั้นไปด้วยผ่านน้ำนม ซึ่งแม้จะมีปริมาณเล็กน้อยแต่ก็ส่งผลให้ลูกมีพัฒนาการช้า หรือซึมได้

คุณแม่ควรงดแอลกฮอล์ไปจนกว่าลูกจะหย่านม ถ้าหากว่าเผลอดื่มไปควรเว้นการให้นม 2-3 ชั่วโมง รอให้ร่างกายขับแอลกอฮอล์ออกไป ระหว่างนั้นก็ขยันปั๊มนมทิ้งเพื่อสร้างน้ำนมอย่างต่อเนื่อง

ห้ามใช้ยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์

ในช่วงระยะพักฟื้น 6 สัปดาห์หลังคลอดควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็นไปจนกระทั่งลูกหย่านม เพราะยาหลายๆ ชนิด เช่น ยาลดน้ำหนัก ยาลดความอ้วน ยานอนหลับ ยาแก้ปวดต่างๆ มีผลกับสุขภาพของคุณแม่และการสร้างน้ำนม อีกทั้งยังสามารถส่งต่อผ่านน้ำนมไปให้ลูกเหมือนกับอาหาร ถ้าคิดจะใช้ยาอะไรในช่วงนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้งนะคะ

ห้ามมีเพศสัมพันธ์

ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 4-6 สัปดาห์หลังคลอด เพราะฝีเย็บยังไม่แห้งสนิทดี น้ำคาวปลาก็ยังไหลอยู่ คุณแม่อาจเสี่ยงแผลปริฉีกขาด หรือมีโอกาสที่มดลูกจะติดเชื้อจนทำให้มดลูกอักเสบได้ ฉะนั้นจึงควรรอให้น้ำคาวปลาหมด มดลูกกลับเข้าสู่ตำแหน่งปกติเสียก่อน

ห้ามละเลยความผิดปกติด้านร่างกายและจิตใจ

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าร่างกายของคุณแม่หลังคลอดมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจ เป็นช่วงเวลาพักฟื้นกำลัง ยังไม่กลับมาแข็งแรง 100% ไม่ว่าจะความผิดปกติยิ่งใหญ่เล็กน้อยแค่ไหนก็ไม่ควรปล่อยผ่าน แม้แต่เรื่องของจิตใจที่ช่วงนี้อาจจะเต็มไปด้วยความหวั่นไหวกังวล

หมั่นสังเกตอาการตัวเอง หรือคอยให้คนใกล้ชิดอยู่ข้างๆ เฝ้าสังเกตอีกแรง และควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอาการผิดปกติดังกล่าวด้วยค่ะ

ที่มา

 

Writer Profile : Phitchakon

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



คำอวยพรของคนได้เป็นแม่ครั้งแรก
กิจกรรมของครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save