fbpx

ประโยชน์ของการฝึกให้ลูกล้างจาน

Writer : nunzmoko
: 14 สิงหาคม 2561

ลูกน้อยวัยอนุบาล 5-6 ขวบ เป็นช่วงวัยที่สามารถรับผิดชอบงานบ้านได้ดีมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่เริ่มฝึกฝนให้ลูกๆ ให้ช่วยล้างจานได้ ซึ่งการช่วยทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ถือเป็นการฝึกฝนให้เด็กมีความรับผิดชอบในหน้าที่ต่างๆ ต่อไปในอนาคตได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีข้อดีอื่นๆ อีกจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

1. มีวินัยและความรับผิดชอบ

เป็นการสอนให้ลูกรู้จักระเบียบวินัยและความรับผิดชอบต่อหน้าที่ภายในบ้าน ช่วยให้พวกเขาคิดได้ว่าการทำงานนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ทำให้เด็กเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบค่ะ

2. ฝึกทักษะของกล้ามเนื้อ

การล้างจานต้องใช้ประสาทสัมผัสหลายส่วน เป็นการฝึกทักษะการทำงานประสานกันของกล้ามเนื้อมือ นิ้วและสายตา ช่วยพัฒนาทักษาทางกายและสมองได้ดี

3. รู้จักการสังเกตและแก้ปัญหา

สังเกตว่าจานใบนี้สะอาดหรือยัง อีกทั้งเป็นการเพิ่มไหวพริบให้กับลูก เพราะการล้างจานต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้จานหล่นแตก และถ้าเกิดเหตุการณ์จานหล่น หรือหลุดมือแตก เด็กๆ ก็จะรู้จักวิธีแก้ไขปัญหาโดยมีคุณพ่อคุณแม่ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด

4. มีความเชื่อมั่นในตัวเอง

ทำให้เด็กๆ รู้สึกถึงภูมิใจ มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ซึ่งจะช่วยพัฒนาให้เขาเป็นคนที่คิดเองเป็น ช่วยเหลือตัวเองได้ในอนาคต นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ควรชมเชยลูกเมื่อลูกทำงานที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ เพื่อให้เด็กมีกำลังใจในการทำต่อไป

5. ทำให้ลูกรู้จักความอดทน

การฝึกให้ลูกล้างจานเอง ถือเป็นการฝึกความอดทน เพราะต้องค่อยๆ ล้างจานทีละใบๆ จนกว่าจะสะอาด ต้องระมัดระวังไม่ให้หล่นหรือหลุดมือ

6. เป็นการฝึกสมาธิให้กับลูก

เด็กๆ จะสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและตรงตามต้องการก็ต่อเมื่อมีสมาธิ จดจ่อต่อสิ่งที่ทำอยู่ ดังนั้นการฝึกให้ลูกช่วยล้างจานถือเป็นการฝึกสมาธิให้กับลูกอีกทางหนึ่งค่ะ

จากงานศึกษาวิจัยยังพบอีกว่า ยิ่งเด็กๆ ได้ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านมากเท่าไร เมื่อเขาโตขึ้นก็จะยิ่งมีความสุขในชีวิตมากขึ้น อีกทั้งการทำงานบ้านยังช่วยสานสัมพันธ์ของคนในครอบครัวให้อบอุ่นแน่นแฟ้น เกิดความรักความอบอุ่นภายในครอบครัวมากขึ้นอีกด้วย

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



วิธีรับมือเมื่อลูกอาละวาด
เด็กอายุ 2-5 ขวบ
รวมกิจกรรมดึงลูกออกนอกจออย่างง่ายๆ
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
“Fun English” เกมส์ฝึกภาษาสำหรับเด็ก
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
8 กีฬาฝึกลูกไว้ไม่มีเชย
กิจกรรมของครอบครัว
8 หนังสือนิทานอีสปสอนใจเด็กๆ
กิจกรรมของครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save