fbpx

NEWS : ผลวิจัยเผย เด็กติดโควิดแล้วไม่จบ เชื่อมโยงภาวะตับอักเสบรุนแรงในเด็ก

Writer : Jicko
: 18 พฤษภาคม 2565

ช่วงหลังๆ มานี้การติดเชื้อของโควิด-19 ในเด็ก มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้แม่ๆ อย่างเราต้องคอยระมัดระวังความปลอดภัยของลูกมากขึ้น ซึ่งนอกจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่แม่ๆ รู้จักกันดีแล้ว ตอนนี้ติดแล้วไม่จบนะคะ เพราะมันสามารถเชื่อมโยงภาวะตับอักเสบรุนแรงในเด็กเล็กได้อีกด้วย

โดยเมื่อวันที่  17 พ.ค. 2565 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยผลการวิจัยจาก ทีมวิจัยโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat เรื่อง การติดเชื้อโรคโควิด-19 กับความผิดปกติของตับในเด็กเล็ก โดยระบุว่า

ทีมวิจัยจากโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ศึกษาในเด็กอายุ 1-10 ปี จำนวนถึง 796,369 คน โดยมีเด็ก 245,675 คนที่ติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ตั้งแต่มีนาคม 2020 ถึงมีนาคม 2022 เปรียบเทียบกับเด็ก 550,694 คนที่ติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจชนิดอื่นๆ ที่ไม่ใช่โรคโควิด-19 ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน

ผลการศึกษาพบว่า แม้จะผ่านไปแล้วนานถึง 6 เดือน เด็กที่ติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 นั้นจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาค่าเอนไซม์ตับสูง มากกว่ากลุ่มเด็กที่ติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจชนิดอื่นๆ ถึง 2.52 เท่า จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาค่า total bilirubin สูง มากกว่ากลุ่มเด็กที่ติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจชนิดอื่นๆ ถึง 3.35 เท่า

โดย พญ.พรนิภา ศรีประเสริฐ กุมารแพทย์ เจ้าของเพจ เรื่องเด็กๆ by หมอแอม โพสต์ข้อความว่า พบ ตับอักเสบปริศนา

1. ช่วงเดือนเมษายน 2565 องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า พบเด็กนับร้อยราย จู่ๆ ก็เป็นตับอักเสบเฉียบพลัน “แบบรุนแรง” มีเด็กต้องเปลี่ยนตับและบางรายเสียชีวิตในหลายประเทศแถบตะวันตก

2. ช่วงเดือนพฤษภาคม เริ่มมีรายงานเคสในแถบเอเชีย ล่าสุดพบเด็ก (อายุ < 16 ปี) เป็นตับอักเสบปริศนา มากกว่า 450 ราย เสียชีวิต 11 ราย

3. ซึ่งเป็นที่ งง-งวย ของทั่วโลก เพราะปกติแล้ว ตับอักเสบจากการติดเชื้อ มักเกิดจากเชื้อตับอักเสบ hepatitis virus (เช่นที่เราฉีดวัคซีนกัน = hepatitis A,B) แต่ครั้งนี้ เคสไหนๆ ก็ตรวจไม่เจอเจ้าเชื้อตับอักเสบเจ้าเก่าของเราเลย

4. แต่กลับพบเชื้อ adenovirus ที่ปกติเจ้าตัวนี้ ไม่ทำอันตรายกับตับเรา และ/หรือพบหลักฐานการติดเชื้อโอมิครอนในเด็กๆ เหล่านี้แทน

ล่าสุดยังไม่รู้สาเหตุ แต่สันนิษฐานว่า อาจเกิดจากเชื้อ adenovirus กลายพันธุ์ หรือโอมิครอนทำให้เชื้อรุนแรงขึ้นแล้วมีผลที่ตับ หรือจากภาวะลองโควิด (ยังเป็นแค่สันนิษฐาน ทั่วโลกกำลังเร่งหาสาเหตุ) ทำให้ตอนนี้ยังไม่สามารถหาวิธีป้องกันได้ เพราะยังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด

สำหรับอาการที่ต้องสังเกต

  • ปวดท้อง
  • คลื่นไส้อาเจียน
  • ถ่ายเหลว
  • ตรวจพบเอนไซม์ตับสูงขึ้น
  • ตาเหลืองตัวเหลือง

อย่างไรก็ตาม วัคซีนตับที่เด็กๆ ได้ฉีดกัน เป็นวัคซีนตับอับเสบจากเชื้อ hepatitis virus ซึ่งภาวะตับอักเสบนี้ ไม่ได้เกิดจากเชื้อในวัคซีน แปลง่ายๆ คือ วัคซีนตัวนั้นไม่ช่วยตับอักเสบกรณีนี้ เพราะคนละเชื้อ คนละสาเหตุกัน

อ้างอิง : https://www.thairath.co.th/news/society/2394651

 

 

 

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save