fbpx

ไม่ยื่นจอ ช่วยให้ลูกห่างไกลจอได้ง่ายๆ ด้วยเคล็ดลับจากคุณพ่อคุณแม่ Parents One

Writer : Jicko
: 20 เมษายน 2564

ช่วงนี้คงเป็นช่วงปิดเทอมของเด็กๆ แถมคุณพ่อคุณแม่บางคนก็ต้องกลับมาทำงานกันที่บ้าน ทำให้หลายครั้งเราเองก็ต้องทำหลาย ทั้งงานประจำ งานบ้าน ทำกับข้าว จนไม่ได้สนใจลูกและเผลอยื่นมือถือให้พวกเขาไป เพื่อให้คลายเหงา รู้ตัวอีกทีลูกก็ติดหน้าจอไปเสียแล้ว ซึ่งก็เป็นปัญหาของหลายๆ ครอบครัวเช่นกัน ทำให้วันนี้เราได้รวบรวมเคล็ดลับและวิธีจากคุณพ่อคุณแม่ชาวเพจ Parents One เกี่ยวกับการพาลูกออกจากหน้าจอมาฝากกันค่ะ ใครมีเคล็zดลับอื่นๆ สามารถมาแชร์กันใต้คอมเมนต์นี้ได้นะคะ เพื่อเป็นแนวทางให้คุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นในการเลี้ยงลูกกันต่อไปค่ะ

1.บอกล่วงหน้าว่าต่อไปเราจะทำอะไรกันต่อ : เช่น เมื่อเราให้ลูกอยู่กับหน้าจอตามที่ตกลงกันไว้แล้ว หรือครบกำหนดเวลาแล้ว คุณพ่อคุณแม่อาจจะบอกกิจกรรมอื่นๆ ที่จะทำต่อล่วงหน้าในไม่ช้านี้ เพื่อให้พวกเขาได้เตรียมตัวเตรียมใจว่าอีกไม่นานเราต้องหยุดเล่นแล้วนะ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ดูจะไม่โหดร้ายกับเด็กๆ มากเกินไป แต่ถ้าหากเด็กๆ คนไหนไม่ยอมอันนี้คุณแม่ก็คงต้องมีวิธีการที่เด็ดขาดกว่านี้นะคะ

2. ไม่ส่งหน้าจอให้ลูก : วิธีนี้หากทำได้จะเป็นผลดีต่อเด็กๆ มากเลยนะคะ เข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ บางทีอยากทำโน้นอยากทำนี่ ส่วนเจ้าเด็กที่บ้านก็อยากจะมีเพื่อนเล่น จนบางครั้งเราเองก็เล่นด้วยทั้งวันไม่ไหว ก็ใช้วิธียื่นหน้าจอเพื่อให้เขาได้มีเพื่อนเล่นโดยเฉพาะเด็กเล็กที่อายุยังไม่เหมาะสมที่จะติดหน้าจอ ทำให้เกิดผลเสียต่อพวกเขามากมาย ทั้งเรื่องพัฒนาการช้า แถมอารมณ์ฉุนเฉียวมากขึ้นอีกด้วยค่ะ

3. พ่อแม่ต้องออกจากหน้าจอก่อน : วิธีนี้ก็เป็นเรื่องจริงอีกข้อที่จะสามารถทำให้ลูกห่างจากหน้าจอได้ เพราะหากเราต้องการให้พวกเขาไม่ติดจอ บอกก็แล้ว ดุก็แล้ว แต่เราเองก็ยังจับมือถือระหว่างเล่นกับลูก ระหว่างทานข้าว เรียกได้ว่าเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็นว่าเล่นมือถือตลอดเวลาแบบนี้ก็เป็นสิ่งที่ผิดเลยนะคะ หากอยากให้ลูกห่างไกลจอ เราเองนี่แหละควรต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกให้ได้เสียก่อน จริงไหมคะ?

4. ชวนลูกทำกิจกรรมอื่นๆ : คุณพ่อคุณแม่หลายคนก็คงคิดวิธีนี้เป็นวิธีแรกๆ เลย ในการที่จะเอาลูกออกจากหน้าจอ เช่น อ่านหนังสือ เล่นบ่อทราย ชวนลูกล้างรถ ต่อเลโก้ เป็นต้น ซึ่งการมีกิจกรรมให้ลูกได้ทำแบบนี้บอกเลยว่า ลูกแทบไม่อยากเล่นมือถือหรือแท็บเล็ตเลยค่ะ เพราะความเป็นเด็กเขามักจะชอบทำกิจกรรมต่างๆ กับคนอยู่แล้ว ยิ่งพอมีกิจกรรมที่พ่อแม่หามาไม่ซ้ำกันหรือทำร่วมกันแบบนี้ รับรองเลยว่าเด็กๆ ห่างไกลจอได้อย่าง 100% เลยค่า

5. กำหนดเวลาชัดเจน : ยิ่งเด็ดขาดได้ยิ่งดี มีข้อตกลงกันก่อนเล่นว่าให้เล่นได้นานแค่ไหน นาฬิกาชี้ถึงเลขอะไร ครบเวลาแล้วต้องคืน และหากิจกรรมอื่นๆ มาทดแทนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้พวกเขา ซึ่งเด็กแต่ละวัยก็มีการกำหนดเวลาที่เหมาะสมไม่เท่ากัน

  • เด็กอายุระหว่าง 2-4 ปี กำหนดเวลาวันละไม่เกิน 1 ชั่วโมง
  • เด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี ไม่ควรใช้เวลาอยู่กับอุปกรณ์ที่มีหน้าจอเลย

6. เล่นกับลูกเยอะๆ : เพราะของเล่นที่ดีที่สุดสำหรับลูกก็คือพ่อแม่นะคะ การที่ลูกได้เล่นกับพ่อแม่นอกจากจะเป็นวิธีที่ทำให้พวกเขาไม่ติดจอแล้ว ยังทำให้ช่วยสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างครอบครัวได้ ทำให้สนิทสนมกันมากขึ้น และยังช่วยพัฒนาด้านสติปัญหาของลูกด้วยค่ะ ที่สำคัญทักษะทางด้านสังคม การมีน้ำใจก็ยังได้จากการเล่นกับเราอีกด้วยนะคะ

7. บอกว่าแบตหมด เพื่อเบี่ยงเบน : วิธีนี้หลายคนอาจจะเคยๆ ทำกันนะคะ แรกๆ อาจจะทำได้ แต่พอหลังๆ ลูกเริ่มจับได้ว่าโทรศัพท์ที่แม่บอกว่าแบตหมดนั้นมันหมดไม่จริง ก็เริ่มมีอาการงอแง โวยวาย ขึ้นมา แบบนี้รู้ทันทีเลยนะคะว่าลูกเรานนั้นติดจอเอามากๆ เลย เพราะฉะนั้นไม่อยากให้ลูกติด บอกว่าแบตหมดได้ แต่ต้องบอกแล้วไม่ยื่นให้เขาเล่นทีหลังด้วยนะคะ ไม่งั้นมุกนี้จะใช้ไม่ได้เลยค่ะ

 

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



เมื่อผม…
ชีวิตครอบครัว
เมื่อผม…
31 มีนาคม 2563
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save