fbpx

NEWS: พ่อแม่ยุคใหม่ให้ “วัคซีนใจ” แก่ลูก สร้างลูกให้เก่ง มีความสุข พึ่งพาได้

Writer : Lalimay
: 26 เมษายน 2561

คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินคำว่า “วัคซีนใจ” มาก่อน วัคซีนใจเป็นสิ่งที่พ่อแม่สามารถสร้างให้ลูกทุกคนได้ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาด้านสุขภาพจิตใจที่มักจะอยู่ในรูปแบบปัญหาสังคม ความรุนแรงต่างๆ หากเด็กได้รับวัคซีนทั้งทางร่างกายและจิตใจแล้ว ก็จะทำให้เติบโตเป็นคนที่จิตใจมั่นคง เข้มแข็ง ปรับตัวได้ แก้ปัญหาเป็น อยู่ร่วมกับผู้อื่นและเป็นที่พึ่งพาของพ่อแม่ได้

นาวาอากาศตรี นายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวว่า วัคซีนใจได้มาจากการเลี้ยงดูเป็นหลัก เริ่มให้ได้ตั้งแต่แรกเกิดและต้องให้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน 5 ขวบแรก หากให้ช้าเกินไป จะไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ซึ่งวัคซีนใจที่สำคัญและจำเป็น มี 6 อย่างคือ

  1. ให้ความรัก ดูแลเอาใจใส่ เด็กจะมีจิตใจและอารมณ์มั่นคง **ข้อนี้เป็นวัคซีนที่สำคัญที่สุด**
  2. ให้ลูกมีโอกาสได้เล่น เพื่อเรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น เรียนรู้การเป็นผู้นำ-ผู้ตาม และนำมาใช้ในชีวิตจริง
  3. ให้ลูกได้ช่วยเหลือตนเอง เด็กจะรู้จักคิด รู้จักทำ มีความรับผิดชอบและพึ่งพาตัวเองได้
  4. ฝึกให้ลูกรู้จักรอคอย อดทนอดกลั้น เด็กจะควบคุมอารมณ์ได้ดี
  5. เปิดโอกาสให้ลูกรู้จักปรับตัว เผชิญหน้าและแก้ปัญหาด้วยตนเอง
  6. ฝึกลูกให้รู้จักให้ ช่วยเหลือและเข้าใจคนอื่น

สำหรับวิธีการให้วัคซีนใจควรทำดังนี้

  1. ต้องให้อย่างสม่ำเสมอ เสมอต้นเสมอปลาย
  2. ให้อย่างถูกวิธีและได้ผลดีที่สุดคือพ่อแม่ต้องทำเป็นตัวอย่าง เพราะลูกจะซึมซับคำพูดและการกระทำของพ่อแม่ตลอดเวลา
  3. ให้อย่างได้ผลโดยใช้เทคนิคต่างๆ เช่น ชื่นชมเมื่อลูกทำได้ หรือให้กำลังใจเมื่อลูกทำไม่ได้ด้วยการกอด ลูบหัว หอมแก้ม ที่สำคัญคือ เมื่อลูกยังเล็กควรพูดคุยกับลูกบ่อยๆ และเมื่อลูกโตขึ้นก็ให้รับฟังเขามากขึ้น
  4. ให้อย่างมีคุณค่า ถูกเวลา เหมาะสมกับวัย ไม่ปกป้องหรือตามใจลูกมากเกินไป จนทำให้ลูกไม่รู้จักโต

อย่างที่เห็นว่า วัคซีนใจ เป็นวัคซีนที่ต้องใช้เวลา กินเวลายาวนานกว่า 5 ปี แต่แน่นอนว่าเมื่อลงทุนแล้วก็ย่อมได้ผลที่คุ้มค่าอย่างน้อย 3 เรื่อง คือ

  • ทำให้คนเป็นพ่อแม่หายห่วง เพราะลูกจะรู้จักทำอะไรได้ด้วยตนเอง พึ่งพาตัวเองได้
  • ภาคภูมิใจเมื่อลูกมีความเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบ สามารถทำอะไรได้ดีและเป็นที่ชื่นชมของคนในสังคม
  • ได้พึ่งพา ลูกที่ได้รับความรักจากพ่อแม่ ย่อมผูกพันกับพ่อแม่ ลูกที่เข้าอกเข้าใจคนอื่น จะเป็นผู้ให้ด้วยความเต็มใจ และลูกที่สามารถยืดหยัดได้ด้วยตนเอง ก็จะเป็นหลักพักพิงให้แก่พ่อแม่ได้อย่างแน่นอน

อ้างอิงจาก

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save