fbpx

NEWS : องค์การอนามัยโลกเตือน โรคหัดแพร่กระจายมากขึ้น เนื่องจากเด็กไม่ได้รับวัคซีนโดยเฉพาะเด็กทารกและเด็กเล็ก

Writer : Jicko
: 29 เมษายน 2565

แม่อาจจะทราบกันดีค่ะว่า โดยปกติแล้ววัคซีนป้องกันโรคหัดเป็นวัคซีนตามเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุขที่เด็กๆ อายุระหว่าง 9 – 12 เดือน ทุกคนต้องฉีด และต้องฉีดเข็มกระตุ้นเมื่ออายุ 4 – 6 ปี

ซึ่งในปี 2565 เมื่อเทียบกับปี 2564 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า องค์การอนามัยโลกและกองทุนฉุกเฉินสำหรับเด็กนานาชาติแห่งสหประชาชาติ เตือนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการแพร่กระจายของโรคหัด โดยมีจำนวนผู้ป่วยทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบ 80%

โดยองค์กรกล่าวว่า “รายงานผู้ป่วยโรคหัดเกือบ 17,338 คนทั่วโลก ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ปี 2565 เทียบกับ 9,665 ราย ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2564” การระบาดเกิดขึ้นจำนวนมากในแอฟริกา และภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก

นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า เด็ก 23 ล้านคน ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนในปี 2020 ซึ่งการรณรงค์ฉีดวัคซีนในเด็กถูกหยุดไว้ เพราะการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และความขัดแย้งในยูเครน เอธิโอเปีย โซมาเลีย และอัฟกานิสถาน ณ วันที่ 1 เมษายน “การรณรงค์โรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน 57 โครงการ ใน 43 ประเทศ ถูกกำหนดตั้งแต่การเริ่มแพร่ระบาดได้ถูกเลื่อนออกไป ส่งผลกระทบต่อผู้คน 203 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็ก และมี 19 โครงการ เป็นการรณรงค์โรคหัด ซึ่งทำให้เด็ก 73 ล้านคนเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัดเนื่องจากไม่ได้รับวัคซีน”

จากข้อมูลของ WHO และ ยูนิเซฟ “วัคซีนป้องกันโรคหัดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ 2 โดส สามารถป้องกันโรคหัดได้สูงกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ ”

เพราะฉะนั้นแล้วเด็กๆ ที่ไม่ได้รับวัคซีนเป็นประจำอาจทำให้เสี่ยงต่อโรคที่เราป้องกันได้ เช่น โรคหัดและโรคไอกรน ซึ่งเป็นโรคติดต่อร้ายแรงและน่ากังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับทารกและเด็กเล็ก

อ้างอิงจาก : https://news.ch7.com/detail/566024

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save