fbpx

NEWS : แพทย์เตือน คุณแม่ตั้งครรภ์ห้าม "เก็บขี้แมว" อาจเสี่ยงโรคทอกโซพลาสโมซิส

Writer : Jicko
: 6 มกราคม 2564

โรคทอกโซพลาสโมซิส เป็นโรคที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อโปรโตซัว Toxoplasma gondii ซึ่งมีวงจรชีวิตที่ซับซ้อนและพบได้ทั่วโลก พบเชื้อโรคนี้ได้ในแมว ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญในวงจรชีวิตของเชื้อ นอกจากนี้ยังพบการติดเชื้อได้บ่อยในแกะ แพะ สุกร และอาจพบในสุนัขได้ด้วย

สามารถติดต่อกันได้จากการสัมผัส ใกล้ชิดกับมูลของสัตว์ที่มีเชื้อโรคนี้อยู่ และหากคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ติดเชื้อนี้ ก็จะสามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกในครรภ์ได้

นอกจากนี้ยังสามารถแพร่เชื้อติดต่อกันได้จากการกินเชื้อที่ปนอยู่ในผักดิบหรือเนื้อที่ปรุงไม่สุก รวมถึงการได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะที่ติดเชื้อ หรือการถ่ายเลือดที่ติดเชื้อ

อาการของโรค

อาการอาจเริ่มต้นจากไม่รุนแรง คล้ายเป็นไข้หวัด ได้แก่

  • มีไข้
  • ปวดเมื่อยตามตัว
  • ปวดศีรษะ
  • เจ็บคอ
  • อาจแสดงอาการรุนแรงได้ถ้าโปรโตซัวทำลายกล้ามเนื้อ ระบบประสาท หัวใจ ปอด หรือตา
  • เชื้ออาจทำให้หญิงมีครรภ์แท้ง และทำให้เด็กในครรภ์มีความผิดปกติแต่กำเนิด
  • ในผู้ป่วยโรคเอดส์อาจเกิดการติดเชื้อที่สมองและทำให้เสียชีวิตได้

อันตรายของสตรีมีครรภ์ หากติดเชื้อโรคทอกโซพลาสโมซิสระหว่างตั้งครรภ์

ส่วนใหญ่สุขภาพของคุณแม่มักไม่มีอาการใดๆ ที่เป็นอันตราย แต่จะส่งผลกระทบของเด็กในครรภ์หากได้รับเชื้อโรคทอกโซพลาสโมซิสจากมารดา ได้แก่

  • คุณแม่แท้งระหว่างคลอด
  • เด็กตัวเล็กกว่าปกติ
  • เด็กหัวโตผิดปกติ
  • เด็กมีความผิดปกติทางด้านการมองเห็น หรือการได้ยิน

สำหรับการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกด้วยโรคทอกโซพลาสโมซิส จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคุณแม่ติดเชื้อโรคนี้เป็นครั้งแรกในขณะตั้งครรภ์เท่านั้น หากคุณแม่เคยมีประวัติเคยติดเชื้อโรคนี้มาก่อน ในการติดเชื้อโรคนี้ครั้งต่อๆ ไปจะไม่ส่งผลกระทบต่อเด็กในครรภ์

วิธีป้องกันโรคทอกโซพลาสโมซิส

ควรระมัดระวังในการอยู่ใกล้ชิดกับแมว และต้องเปลี่ยนคนดูแล เก็บอุจจาระแมว ทำความสะอาดที่อยู่อาศัยของแมวในช่วงตั้งครรภ์ คนที่มาดูแลแมวแทนก็ต้องดูแลความสะอาดให้ดี ใส่ถุงมือทุกครั้งที่ทำความสะอาดอุจจาระ และที่อยู่อาศัยของแมว

สำหรับการเลี้ยงแมวให้ห่างไกลเชื้อโรคทอกโซพลาสโมซิส ควรเลี้ยงแมวในบ้านเพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือปล่อยเชื้อโรคออกสู่สิ่งแวดล้อม ควรเลี้ยงแมวให้ห่างจากบริเวณที่เลี้ยงปศุสัตว์ รวมถึงไม่ควรให้แมวกินเนื้อดิบหรือเนื้อที่ปรุงไม่สุก

อ้างอิงจาก : https://www.sanook.com/health/24763/

 

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save