แม้เหตุการณ์ลิฟต์ค้างหรือลิฟต์ตก อาจเกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก แต่อุบัติเหตุก็สามารถเกิดได้ทุกขณะ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ ควรสอนวิธีการเอาตัวรอดให้ลูกๆ เมื่ออยู่ในสถานการณ์อันตราย เพื่อให้มั่นใจว่าถ้ามีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น ลูกของเราจะสามารถเอาตัวรอดและออกมาจากลิฟต์ได้อย่างปลอดภัยค่ะ
สอนให้ลูกมีสติ
เชื่อว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ลิฟต์ค้าง ไฟดับ ลูกจะต้องตกใจจนทำอะไรไม่ถูกอย่างแน่นอน ดังนั้น อย่างแรกเลยคือ เราควรสอนลูกให้มีสติมากที่สุด เมื่อมีสติจะสามารถหาทางแก้ไขสถานการณ์ต่อไปได้
สอนให้ลูกโทรฉุกเฉิน
ถ้าหากรู้สึกถึงความผิกปกติภายในลิฟต์ บอกให้ลูกรีบกดปุ่มฉุกเฉิน และกดปุ่ม Call ทันที เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ถ้าหากระบบลิฟต์ไม่ทำงานหรือไม่มีผู้ติดต่อกลับ ให้ใช้โทรศัพท์มือถือของตัวเอง ในการติดต่อขอความช่วยเหลือ
ให้ลูกกดลิฟต์ทุกชั้น
อีกวิธีที่ทำให้ลิฟต์ที่ตกหยุดได้ คือ การกดปุ่มให้ลิฟต์จอดทุกชั้น เพราะเมื่อไฟฟ้าสำรองทำงานจะหยุดลิฟต์จากการร่วงลงมาได้ค่ะ
ให้ลูกหาที่จับ
หากลิฟต์ที่กำลังใช้งานอยู่เกิดอาการเขย่า กระตุกหรือสั่นแปลกๆ บอกให้ลูกรีบหาที่ยึด เช่น ราวจับ โดยหันหลังพิงกำแพงและย่อเข่าลงเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวกระเด็นไปได้
สอนให้ลูกนั่งงอเข่า
ในกรณีพื้นที่ในลิฟต์โล่ง ไม่มีราวจับ ให้นอนหงายลงกับพื้น หน้ามองเพดานและนำมือขึ้นป้องบริเวณเหนือศีรษะและใบหน้า วิธีนี้จะช่วยลดแรงกระแทกและป้องกันหลังและกระดูกไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ หากมีคนติดอยู่ในลิฟต์จำนวนมาก ในสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้ก็คือ การให้ลูกนั่งบนพื้นของลิฟท์ ในตำแหน่งนี้จะช่วยลดการกระแทกของกระดูกซึ่งจะน้อยกว่าการยืนตรง หากมีพื้นที่น้อยมากอย่างน้อยก็พยายามงอเข่า เพราะจะช่วยลดแรงกระแทกในขณะที่ลิฟต์ตกถึงพื้น
เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้แน่นอน แต่หากมันจะเกิดขึ้นก็คงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็ควรสอนลูกถึงวิธีแก้ไขเอาไว้ก่อน เพื่อสามารถรับมือต่อสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่มีไอเดียเพื่อสอนเด็กๆ ให้รู้จักวิธีการเอาตัวรอดเมื่ออยู่สถานการณ์คับขันนะคะ
ที่มา – mheesara.com
