fbpx

ทำความรู้จักเครื่องนึ่งขวดนม แบบไหนที่ตรงใจคุณแม่

Writer : Jicko
: 19 กุมภาพันธ์ 2564

ใครเป็นพ่อแม่มือใหม่คงจะเข้าใจดีนะคะเกี่ยวกับของใช้ต่างๆ ที่เราต้องเตรียมสำหรับลูก ตั้งแต่ก่อนคลอดยันวัยกำลังโตบอกเลยว่าของใช้หลายสิ่งหลายอย่างซะเหลือเกิน บางสิ่งแม่ๆ อย่างเราก็พอรู้ไม่ต้องทำความเข้าใจหรือหาข้อมูลการซื้อมากมาย แต่สิ่งของบางอย่างก็ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ และต้องแน่ใจว่าซื้อมาแล้วคุ้มค่าคุ้มราคาไหม อย่าง”เครื่องนึ่งขวดนมลูก” ที่มีทั้งแบบธรรมดาและเครื่องนึ่งแบบแห้ง และอีกหลากหลาย ซึ่งพ่อแม่มือใหม่อย่างเราต้องพิถีพิถันกันสักหน่อย วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับเครื่องนึ่งขวดนมแต่ละชนิดกันว่าแต่ละชนิดเป็นยังไง ราคาเท่าไหร่ แบบไหนซื้อไปแล้วถึงจะคุ้มค่า ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ

ข้อดีของเครื่องนึ่งขวดนม

  • ไม่ทำให้ขวดนมและจุกนมเสียหาย
  • เพิ่มความปลอดภัยให้ลูกน้อย
  • สะดวกสบาย ประหยัดเวลา
  • เพิ่มความสะอาด สามารถฆ่าเชื้อได้
  • คุ้มค่าใช้ได้นาน
  • มีหลากหลายราคาให้แม่ๆ เลือก

เครื่องนึ่งขวดนมมีแบบไหนบ้าง

1. แบบไฟฟ้า

เป็นเครื่องนึ่งที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรียโดยไม่ต้องใช้สารเคมีหรือน้ำยาฆ่าเชื้อ แต่เป็นการอาศัยความร้อนจากไอน้ำเท่านั้น ใช้เวลาประมาณ 6-15 นาที ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีความแตกต่างกัน เหมาะสำหรับคุณแม่ๆ ที่ต้องการความสะดวกสบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนึ่งอุปกรณ์ให้นมหลายๆ ชิ้นพร้อมกันค่ะ

2. แบบใช้เตาไมโครเวฟ

เป็นเครื่องนึ่งฆ่าเชื้อที่ใช้ความร้อนจากไอน้ำเช่นเดียวกับเครื่องนึ่งแบบไฟฟ้า ใช้เวลาประมาณ 3-8 นาที ขึ้นอยู่กับวัตต์และหน่วยไฟของแต่ละเครื่องค่ะ แต่สามารถนำไปใช้กับสารเคมีหรือน้ำยาฆ่าเชื้อได้ด้วย

3. แบบใช้แสงยูวี

เป็นเครื่องนึ่งฆ่าเชื้อโดยใช้แสงอัลตราไวโอเลต สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคได้โดยการเปลี่ยนโครโมโซมและป้องกันการแบ่งเซลล์ เป็นเครื่องนึ่งที่มีประสิทธิภาพและแถมราคาก็แอบแรงอยู่เช่นกันค่ะ

4. แบบอบแห้ง

เป็นเครื่องนึ่งขวดนมที่ใช้ความร้อนจากไอน้ำในการฆ่าเชื้อเพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัยที่ดีของลูก โดยเครื่องนึ่งแบบอบแห้งนี้จะใช้เวลาเพียง 8-15 นาที และ 20-90 นาทีใช้นการอบแห้งซึ่งสะดวกสบายสำหรับคุณแม่ๆ มากๆ เลยเพราะทั้งนึ่งขวดและอบให้ไปในตัวโดยไม่เสียเวลานั่นเองค่ะ

วิธีเลือกซื้อเครื่องนึ่งที่แม่ๆ ต้องรู้

1. ความสะดวก 

หากจะเลือกเครื่องนึ่งขวดนมสักอัน อย่างแรกเลยก็คงต้องเลือกเครื่องที่ทำให้ชีวิตแม่ๆ สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เช่น มีขั้นตอนการใช้ไม่ซับซ้อน ไม่เสียเวลา ทำให้ชีวิตแม่ๆ ง่ายขึ้นแบบไม่ต้องกดโน้นกดนี่เยอะแยะมากมาย

2. ขนาด

ขนาดในที่นี้คงเป็นพื้นที่ที่คุณแม่ๆ ต้องการเก็บหรือขนาดที่เหมาะสมกับความต้องการของการฆ่าเชื้อขวดนมในแต่ละครั้ง โดยอาจจะดูจากพฤติกรรมการกินของลูกของเรานี่แหละค่ะว่าเขากินนมบ่อยแค่ไหน บางคนใช้ขวดนมอย่างน้อยวันละ 8 ขวด หรือบางคน 6 ขวด ก็ต้องเลือกตามขนาดเครื่องที่แตกต่างกันตามความจำเป็นของแม่ๆ แต่ละคนค่ะ เพื่อความสะดวกสบายนะคะ

3. เวลา

เพราะการใช้เวลาในการฆ่าเชื้อของเครื่องนึ่งขวดนมแต่ละเครื่องนั้นแตกต่างกัน บางเครื่องใช้เวลาน้อย บางเครื่องใช้เวลามากในการฆ่าเชื้อจนจบการทำงาน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องคำนึงถึงไม่ใช่น้อยว่าเราเองสะดวกกับแบบไหน ให้ลองคำนึงถึงเวลาในการใช้งานตั้งแต่ต้นจนจบการทำงานดูค่ะ

4. อุปกรณ์เสริม / ฟังก์ชั่นต่างๆ

เครื่องนึ่งขวดนมแต่ละยี่ห้องก็มีอุปกรณ์เสริมและฟังก์ชั่นต่างๆ ที่แตกต่างกัน บางยี่ห้อฆ่าเชื้อและทำให้ขวดแห้งไปพร้อมๆ กันได้ ในขณะที่บางเครื่องก็มีฟังก์ชั่นการอุ่นขวดเพื่อฆ่าเชื้อได้ด้วย หรือถ้าเครื่องไหนมีเสียงเตือนเมื่อฆ่าเชื้อเสร็จยิ่งดีเลย ยิ่งหากถ้ามีอุปกรณ์เสริม เช่น คีมคีบ ถาดใส่อุปกรณ์ แปรงทำความสะอาด ก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เพราะเราจะได้ทุกอย่างอย่างครบครันโดยไม่ต้องไปซื้ออุปกรณ์เสริมอื่นๆ ด้านนอกให้เสียเวลาค่ะ

5. ทำความสะอาดง่าย

เพราะเครื่องนึ่งขวดนมต้องมีการทำความสะอาดเพื่อความสะอาดในการฆ่าเชื้อขวดนมให้กับลูกน้อย เพราะฉะนั้นคุณแม่ๆ เองอาจจะต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เพราะบางยี่ห้อก็สามารถใช้เครื่องล้างจานทำความสะอาดได้ บางยี่ห้อก็มีถาดที่ถอดออกได้ เพื่อง่ายต่อการทำความสะอาด เพราะฉะนั้นก็ต้องดูเรื่องนี้ด้วยค่ะ

เคล็ดลับในการใช้เครื่องนึ่งขวดนม

  • อ่านคู่มือก่อนใช้งานอย่างละเอียด : ถึงแม้บางรุ่นคุณแม่ๆ อาจจะคิดว่ามันง่ายแสนง่าย แต่ยังไงก็ไม่ควรปล่อยผ่านการอ่านคู่มือก่อนใช้งานนะคะ เพื่อจะไม่ได้เกิดข้อผิดพลาดค่ะ
  • ห้ามใช้นึ่งอย่างอื่น : เครื่องนึ่งขวดนมก็ต้องนึ่งแค่ขวดนมของลูกเท่านั้น เพราะแม่ๆ บางคนอาจจะเข้าใจผิดว่าเครื่องเนี่ยสามารถอุ่นอาหารได้ด้วย ซึ่งนั้นเป็นความเข้าใจที่ผิดมากเลยนะคะ ถึงแม้มันจะสามรถอุ่นได้ก็ตาม แต่ยังไงซะก็ไม่สามารถใช้งานอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากค่ะ
  • เช็ดให้แห้งหลังทำความสะอาด : เขาว่ากันว่าเจ้าความชื้นเนี่ยเป็นตัวก่อให้เกิดเชื้อโรคและแบคทีเรียต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เพราะฉะนั้นเมื่อคุณแม่ๆ ล้างแล้วก็ต้องเช็ดทำความสะอาดเครื่องให้แห้ง และอย่าลืมปิดฝาครอบแล้วเก็บไว้ที่ที่ไม่มีฝุ่น เพื่อสุขอนามัยที่ดีของลูกน้อย

 

 

 

 

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ชีวิตครอบครัว ชีวิตครอบครัว
16 เมษายน 2563
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save