fbpx

สอนลูกยังไง ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ

Writer : Jicko
: 20 มกราคม 2564

หลายวันมานี้คุณพ่อคุณแม่คงจะเห็นข่าวเกี่ยวกับเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศกันมากขึ้นใช่ไหมคะ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สะเทือนใจเอามากๆ เลย และหลายๆ ข่าวผู้ที่กระทำนั้นก็ยังเป็นคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัวอีกด้วย

บาดแผลอันบอบช้ำที่เกิดขึ้นกับเด็ก มันไม่สามารถจางหายไปอย่างง่ายๆ แถมยังมีผลต่ออนาคตของเด็กๆ ด้วย เพราะฉะนั้นพ่อแม่อย่างเราจึงควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เอามากๆ จะต้องสอนลูกเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้พวกเขาเข้าใจค่ะ

พ่อแม่จะสอนลูกได้อย่างไร

1.ต้องรู้จักส่วนต่างๆ ของร่างกาย

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญและเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่พ่อแม่อย่างเราจะสามารถสอนเขาแบบง่ายๆ ได้ ถ้ายังเป็นเด็กเล็กๆ อาจจะเริ่มด้วยการเรียกชื่ออวัยวะที่ถูกต้อง เป็นชื่อที่ลูกเข้าใจได้ไม่ต้องถึงกับทางการมากนัก เช่น ผู้ชาย จู๋ หรือหนอนน้อย ผู้หญิงอาจจะเรียกว่า โจ๊ะโม๊ะ สอนเรื่องความแตกต่างระหว่างเพศชายและหญิง แต่เมื่อเขาโตขึ้นก็อาจจะใช้ภาษาที่ถูกต้องที่เป็นภาษาที่เข้าใจตรงกัน เพราะลูกจะได้สามารถเล่าเรื่องร่างต่างๆ บอกกับเราได้ ซึ่งแต่ละวัยก็จะสอนไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการรับรู้และวัยของพวกเขาด้วยนะคะ

2.เจอคนแปลกหน้าห้ามสัมผัสร่างกายของหนู

ต้องย้ำเสมอว่าคนแปลกหน้าถ้าไม่ใช่พ่อแม่ หรือมีคนเอาของเล่น เอาขนมมาให้ ห้ามหลงกลคนพวกนั้นเด็ดขาด หรือแม้แต่จะอ้างว่ารู้จักกับพ่อแม่ก็ตาม ต้องบอกลูกเสมอว่าห้ามไปไหนกับพวกเขา หรือห้ามให้พวกเขามาสัมผัสร่างกาย เพราะร่างกายเป็นของลูกคนเดียวเท่านั้น ห้ามใจอ่อนเด็ดขาดต้องย้ำเรื่องนี้เสมอค่ะ

3.พูดคุยกับพ่อแม่อย่างเปิดใจไม่มีความลับ

เรื่องนี้สำคัญนะคะ เราเองคนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องพยายามพูดคุยกับลูกไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตาม พยายามถามชวนคุยให้เป็นเรื่องปกติ เพื่อเวลามีอะไรเกิดขึ้นมาพวกเขาจะได้สามารถบอกหรือเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เราฟังได้ ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับเพศแล้วต้องย้ำเสมอว่าให้รีบบอกพ่อแม่ทันที หรือหากมีเวลาคุณพ่อคุณแม่อาจจะหาเวลาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเพศ หรือเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ลองถามตรงๆ ก็เป็นเรื่องที่ดีนะคะ

4.ปฏิเสธให้เป็น วิ่งให้ไว

คำว่า “ไม่ได้” เป็นคำที่ควรสอนลูกเลยเป็นคำแรก ต้องบอกเขาเลยว่า หากมีคนมาจับส่วนที่พ่อแม่บอกว่าเป็นอวัยวะต้องห้ามให้รีบบอzกไปเลยว่า “ไม่ได้” หรืออีกวิธีก็คือ ให้รีบวิ่งออกมาโดยที่ไม่ต้องกลัวหรือเกรงใจว่าคนๆ เป็นใคร เพราะบางครั้งในหลายๆ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่าเป็นคนใกล้ตัว ญาติหรือเพื่อนคนสนิท ยังไงก็ต้องบอกลูกว่าอย่างได้เกรงใจ ให้วิ่งให้ไวที่สุดค่ะลูกแม่

5.สัมผัสแบบไหนที่ปลอดภัยสำหรับหนู

ถึงแม้พ่อแม่จะไม่ให้คนอื่นมาสัมผัสอวัยวะต่างๆ ของลูก แต่ก็สามารถสอนลูกได้ว่าก็มีบางส่วนที่สามารถสัมผัสหรือจับต้องได้ เช่น คุณหมอจำเป็นต้องช่วยลูกในการทำความสะอาดร่างกาย เพื่อตรวจรักษา แบบนี้สามารถทำได้ หรือเพื่อนๆ จับมือจูงมือเข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบทุกคน แบบนี้สามารถทำได้ หรือคุณครูอาจจะมีการมาสัมผัสแตะต้องตัวเล็กน้อย หากลูกไม่ได้รู้สึกกลัวแบบนี้ก็สามารถทำได้ เป็นต้น

6.ร่างกายเป็นของลูกคนเดียวเท่านั้น

เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกโดนสัมผัสแล้วรู้สึกไม่ชอบ อึดอัด กลัว ต้องย้ำให้เขาฟังว่า เราต้องกล้าที่จะบอกไม่ชอบ และแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ เพราะร่างกายเป็นของลูก เรามีสิทธิในร่างกายคนเดียวเท่านั้นไม่ว่าใครก็ไม่สามารถสัมผัสได้ ถ้าไม่ใช่พ่อแม่

 

ให้ของกับลูกพกติดตัวไว้ปลอดภัยกว่า

  • สำหรับเด็กเล็ก : นกหวีด / วิ่งหนี
  • สำหรับเด็กโต : ให้เรียนรู้ศิลปะป้องกันตัว

 

สถานที่ที่มักเกิดเหตุ

  • บ้านตัวเอง
  • บ้านเพื่อน
  • บ้านญาติ
  • ถนน / สถานที่ เปลี่ยวๆ
  • โรงเรียน

 

สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ และ ไม่ควรทำ เมื่อรู้ว่าลูกถูกล่วงละเมิดทางเพศ

สิ่งที่ควรทำ

  • พร้อมรับฟัง / ช่วยเหลือ
  • คอยปลอบโยน
  • วิเคราะห์ข้อมูล ปะติดปะต่อเรื่องราว
  • รวบรวมหลักฐาน
  • แจ้งหน่วยงาน / เจ้าหน้าที่ทันที
  • พาเด็กไปในที่ปลอดภัย
  • ตั้งสติและใจเย็น

สิ่งที่ไม่ควรทำ

  • แสดงอาการสงสัย / ไม่เชื่อ
  • ทำท่าทางตกใจ โกรธ ด่าผู้ที่กระทำ
  • คาดคั้นเด็ก
  • พาเด็กไปชำระล้างร่างกาย
  • ไม่ให้การช่วยเหลือ
  • ถ่ายภาพและเล่าเรื่องราวลงโซเชียล

อ้างอิงจาก : www.thaichildrights.org, สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ , เข็นเด็กขึ้นภูเขา

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ชีวิตครอบครัว ชีวิตครอบครัว
24 ธันวาคม 2562
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save