fbpx

5 เหตุผลที่ลูกชอบมีความลับต่อพ่อแม่

Writer : Jicko
: 19 พฤษภาคม 2563

การพูดคุยกับคนในบ้านเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันจะทำให้รู้ว่าแต่ละคนในบ้านช่วงนี้มีปัญหาหรือมีเรื่องทุกข์ใจหรือเปล่า ซึ่งบางบ้านหากเป็นตอนเด็กๆ ก็อาจจะง่ายขึ้นหน่อย แต่ยิ่งเขาโตขึ้นคุณพ่อคุณแม่จะเริ่มสังเกตได้ว่า เขาจะเริ่มไม่กล้าพูดคุยหรือเก็บความลับไว้ในใจคนเดียว ทำให้เกิดปัญหาขึ้นตามมา วันนี้เราเลยรวบรวมเหตุผลที่รู้สึกว่า ทำไมลูกถึงมีความลับต่อพ่อแม่กันนะ ตามไปดูกันเลยค่ะ

5 เหตุผลที่ลูกมีความลับต่อพ่อแม่ คือ

1.พ่อแม่สายขู่ลูก

อย่างเช่น แม่ไปเห็นลูกเพื่อนข้างบ้านตั้งท้องในวัยเรียน ก็เอาเรื่องราวนี้มาพูดให้ลูกฟังในทางที่ไม่ดี “แกดูลูกข้างบ้านสิ มันท้องต้องลาออกจากโรงเรียน แกอย่าไปมีแฟนนะ ไม่งั้นฉันจะไล่แกออกจากบ้าน” ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้ลูกกลัวหากมีปัญหา หรือถ้ามีแฟนขึ้นมาเขาก็อาจจะไม่ยอมเล่าให้เราฟังได้

2.พ่อแม่ช่างเล่าต่อ

พ่อแม่บางคนชอบเอาเรื่องเล่าต่างๆ ที่ลูกพูดคุยด้วยไปเล่าต่อกับคนอื่นๆ ทั้งทางข่มหรือถ่อมตน ซึ่งการที่เราเอาเรื่องต่างๆ ไปเล่าต่อนี้จะทำให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่กำลังแฉความลับของเขาอยู่ เมื่อลูกรู้เรื่องเข้าก็จะทำให้เขาไม่ยอมพูดเรื่องราวของตัวเองให้พ่อแม่ฟังอีก เพราะรู้สึกอาย

3.พ่อแม่ไม่ชอบตั้งใจฟัง

เมื่อเวลาลูกมาปรึกษาหรือพูดคุยเรื่องต่างๆ เขาจะรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่ตั้งใจฟัง เหมือนฟังให้จบๆ ผ่านๆ ไป อย่างเช่น ลูกเล่าเรื่องให้พ่อแม่ฟังแบบเป็นเรื่องที่ตื่นเต้นมาก แต่พ่อแม่กลับไม่มีการตอบรับหรือพยายามถามไถ่เรื่องที่ลูกเล่ามา ทำให้คนที่เล่าอย่างลูกก็จะรู้สึกว่าไม่อยากเล่าต่อ และทำให้ลูกไม่อยากเล่าอะไรให้พ่อแม่ฟังอีก เพราะทุกครั้งที่เล่าไปพ่อแม่ก็ไม่สน มันทำให้ลูกรู้สึกน้อยใจและไม่มีกำลังใจที่จะพูดคุยกับพ่อแม่ต่อนั้นเองค่ะ

4.ลูกไม่อยากให้พ่อแม่ผิดหวัง

สิ่งที่พ่อแม่หวังบางครั้งมันก็ใหญ่เกินตัวลูกไปจนกลายเป็นแรงกดดัน จนบางครั้งเมื่อไหร่ที่เขาทำผิดพลาด เขาก็มักจะเก็บปัญหานี้ไว้คนเดียว เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรที่จะเปิดใจกับลูก สอนให้เขารู้ว่าพ่อแม่อย่างเราก็ไม่ได้คาดหวังให้เขาทำทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์ แต่เราภูมิใจที่เขาเป็นและยอมรับกับการที่ลูกแก้ปัญหานั้นได้ต่างหาก

5.เพราะลูกคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว จัดการเองได้

สิ่งนี้อาจจะอยู่ในพฤติกรรมวัยรุ่นที่เมื่อเขาเติบโตมาได้ช่วงนี้ เขาก็จะรู้สึกว่าเขาต้องรับผิดชอบชีวิตของตัวเองได้ คอยแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเองมากกว่าที่จะให้พ่อแม่มาคอยรับผิดชอบ เพื่อบ่งบอกว่าเราโตแล้ววนะ และมีพื้นที่ส่วนตัวที่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ แต่บางครั้งปัญหามันก็ใหญ่เกินไปพอที่เด็กคนนึงจะรับไหว จนสุดท้ายอึดอัดใจลูกที่คิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัวก็จะไปเล่าปัญหานี้ให้เพื่อนๆ ฟังแทน เพราะฉะนั้นคุยกับลูกบ่อยๆ คอยพูดคุยกันทุกวันก็จะแก้ปัญหานี้ได้ค่ะ

 

 

 

 

 

 

 

 

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save