fbpx

ปัจจัยที่ส่งผลต่อบุคลิกภาพของเด็กๆ ในตอนโต ทำไมเด็กแต่ละคนถึงมีนิสัยไม่เหมือนกันนะ!

Writer : Jicko
: 8 ธันวาคม 2564

คุณพ่อคุณแม่สังเกตกันไหมคะว่า เด็กๆ แต่ละคนถึงแม้เราเองจะเป็นคนที่เลี้ยงเขาแบบเดียวกันทั้งคู่ แต่ทำไมทั้งนิสัย บุคลิกต่างๆ ของเขา เมื่อเขาโตขึ้น ถึงดูไม่ค่อยเหมือนกันเอาซะเลย วันนี้เราจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปศึกษาถึงปัจจัยต่างๆ ในวัยเด็กที่มีอิทธิพลต่อบุคลิกของลูกตอนโตกันค่ะ กับนักจิตวิทยาเชื้อสายยิว จะมีปัจจัยอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!

อัลเฟรดแอดเลอร์ (Alfred Adler) นักจิตวิทยาเชื้อสายยิว ได้ศึกษาถึงปัจจัยที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก ที่ทำให้มีอิทธิพลต่อบุคลิกของบุคคลในวัยผู้ใหญ่ไว้ 3 ประการ ได้แก่

1. ลำดับของการเกิดในครอบครัว (Order of Birth)

เพราะประสบการณ์ที่เด็กได้รับจากพ่อแม่แตกต่างกัน ทำให้แอดเลอร์แบ่งลำดับเป็นดังนี้

ลูกคนโต
  • ลักษณะนิสัย : ลูกคนโตมักจะได้รับความรัก และความเอาใจใส่จากพ่อแม่เป็นอย่างมาก จนกระทั่งเมื่อมีน้อง เด็กจะรู้สึกว่าความรักที่เคยได้ถูกแบ่งปันไปให้น้องที่มาใหม่ ทำให้พี่คนโตจะมีบุคลิกภาพประเภทขี้อิจฉา และเกลียดชังผู้อื่น รู้สึกไม่มั่นคง และพยายามปกป้องตัวเอง
  • ข้อดี : หากพ่อแม่มีการเตรียมความพร้อมให้ลูกคนโตล่วงหน้า เช่น บอกว่าเรากำลังจะมีน้อง พยายามให้เขารับรู้ และมีส่วนรวมในการดูแลคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ จะทำให้พี่คนโตมีบุคลิกภาพไปในทางที่พึงประสงค์ เช่น มีความรับผิดชอบสูง ช่วยเหลือปกป้อง เชื่อมั่นในตนเอง เป็นต้น
ลูกคนกลาง
  • ลักษณะนิสัย : ลูกคนกลางมักจะคิดว่าพ่อแม่รักพี่คนโตและน้องคนสุดท้องมากกว่าตน ทำให้มีลักษณะนิสัยมีความทะเยอทะยานสูง มีความอดทน แต่มีแนวโน้มที่จะเป็นคนดื้อรั้น และลึกๆ แล้วเป็นคนที่มีความรู้สึกอิจฉา ทำให้ลูกคนกลางพยายามจะเอาชนะหรือแสดงความสามารถให้เหนือกว่าพี่และน้องออกมา
  • ข้อดี : หากพ่อแม่มีการเตรียมความพร้อมให้ลูกคนกลางที่ดี สังเกตเลยค่ะว่า ลูกคนกลางมักจะมีความสามารถในการปรับตัวได้ดีกว่าพี่และน้องเสมอ
ลูกคนสุดท้อง
  • ลักษณะนิสัย : เนื่องจากพ่อแม่ตามใจประคบประหงมและได้รับความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง ทำให้น้องคนสุดท้องมีลักษณะนิสัยเอาแต่ใจตนเอง และมักชอบขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นเสมอค่ะ
  • ข้อดี : เนื่องจากเป็นลูกคนสุดท้อง พ่อแม่ก็เริ่มปล่อยวางไม่ได้เคร่งเครียดอะไร ทำให้ลูกคนเล็ก เป็นคนที่สนุกสนานร่าเริง เป็นมิตรกับคนรอบข้าง และเข้ากับคนอื่นได้ง่ายด้วยนั่นเอง

2. ประสบการณ์ในวัยเด็ก (Childhood Experience)

เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่เด็กๆ ได้รับการเลี้ยงดูในระยะแรกของชีวิต คือตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 5 ขวบ ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 ลักษณะได้แก่

  • เด็กที่เลี้ยงดูแบบตามใจ (Spoiled Child) : การเลี้ยงดูแบบนี้จะทำให้เด็กๆ อาจเสียคนได้ พวกเขาจะไม่สามารถพัฒนาตนเองในการอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ในสังคม ขาดเหตุผล เห็นแก่ตัว นั่นเอง
  • เด็กที่ถูกทอดทิ้ง (Neglected Child) : ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เช่น พ่อแม่แยกทาง พ่อแม่เสียชีวิต ปัญหาเศรษฐกิจ เป็นต้น เด็กที่ถูกทอดทิ้งเหล่านี้จะรู้สึกเกลียดชังพ่อแม่และคนรอบข้าง ทำให้เขาเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย และปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ยาก นั่นเอง
  • เด็กที่ได้รับความรักความอบอุ่นอย่างสมบูรณ์ (Warm Child) : เด็กเหล่านี้มักได้รับการเลี้ยงดูอย่างมีเหตุและผล ทำให้เด็กๆ ที่ได้รับประสบการณ์ที่ดี เด็กจึงเป็นคนที่มีเหตุผล กล้าคิด กล้าแสดงออก มองโลกในแง่ดี ร่าเริงแจ่มใส และเอาใจใส่ผู้อื่นนั่นเองค่ะ

3. ความรู้สึกว่ามีปมด้อยและสร้างปมด้อยชดเชย (Inforiority Feeling and Compensation)

การมีปมด้อยมักเกิดจากการเปรียบเทียบซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา สภาพร่างกาย ความสามารถ สถานทางสังคม ฐานะความเป็นอยู่ การยอมรับ ซึ่งเมื่อเด็กคิดว่าตัวเองมีปมด้อยแล้ว เขามักจะสร้างปมเด่น เพื่อกลบปมด้อยของตัวเองขึ้นมา เพื่อสร้างความมั่นใจและเป็นที่ยอมรับในสังคมให้ได้ เหตุนี้นี่ก็เป็นอีก 1 ปัจจัยที่ทำให้เด็กๆ แต่ละคนมีลักษณะนิสัยหรือบุคลิกที่ต่างกันนั่นเอง เพราะปมด้อยของเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนี้ก็เป็นเพียงแค่ทฤษฎีการศึกษาของแอดเลอร์ ที่เชื่อว่าพฤติกรรมทั้งหมดที่บุคคลนั้นแสดงต่อสถานการณ์หรือรูปแบบของพฤติกรรมที่ใช้ในการสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ในสังคม มีความแตกต่างกันไปตามสภาพร่างกายและสิ่งแวดล้อมของแต่ละบุคคลเท่านั้น ซึ่งบางคนก็ไม่ได้เป็นไปตามนี้ อีกทั้งพ่อแม่ยังสามารถเตรียมความพร้อม ปลูกฝังให้เด็กๆ ได้ตั้งแต่ยังเล็ก เพื่อให้เขาเติบโตมามีบุคลิกที่ดีต่อสังคมได้ด้วยการเลี้ยงดูที่ดีจากพ่อแม่อย่างเราๆ ที่เป็นปัจจัยหลักนั่นเองค่ะ

อ้างอิงจาก : ทฤษฎีบุคคลของแอดเลอร์

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



กิจกรรมของครอบครัว กิจกรรมของครอบครัว
19 พฤษภาคม 2564
6วิธี ช่วยลูกน้อย ค้นหาพรสวรรค์
กิจกรรมของครอบครัว
Update
ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์
เคยกลับบ้านมาแล้วกรี๊ดลั่นบ้านเพราะเจ้าตัวแสบไปวิ่งเล่นเลอะเทอะกันไหมคะ ? หรือแต่งตัวลูกอย่างดีไปทานข้าวนอกบ้าน แต่คุณลูกก็ทำซอสหกใส่ ไอติมหล่นไปเป็นก้อน เละทั้งตัว วันนี้ ParentsOne มีเสื้อเด็กที่เจ๋งมากๆ จาก GQ : the good day lab™ มาลองรีวิวให้ได้ชมกันค่ะ 🛒 ช้อปเลยที่ -> https://gqsize.link/bZT7Sx แกะกล่อง GQ : the good day lab™ เสื้อเด็ก ฟีเจอร์เพียบ คุณภาพ GQ ขึ้นชื่อว่า GQ ก็มั่นใจได้เรื่องคุณภาพค่ะ ผ้านุ่ม เบาบาง เหมาะกับอากาศเมืองไทย ใส่วิ่งสบายๆ ที่แปลกตาคือเป็นเสื้อที่ไม่มีป้ายแท็กค่ะ ทั้งด้านหลังคอเสื้อ หรือข้างใน ไม่ต้องห่วงว่าจะเคืองหรือคันเลย กระดุมแข็งแรงเอามากๆ ใช้แรงผู้ใหญ่ดึงแรงๆ ก็ไม่มีปัญหาเลย ไฮไลท์สำคัญที่คุณแม่แทบกรี๊ด คือเป็นไม่เปื้อนค่าาาา เทน้ำ เทนมใส่เสื้อ ไม่เปียกเลย สะบัดสองที หายปกติ ซึ่งถ้าใครเคยเห็นโฆษณา GQ ที่เสื้อเชิ้ตขาวไปทำงานคุณพ่อ โดนกาแฟหกใส่ แต่ผ้าไม่เปื้อนเลย เทคโนโลยีผ้าสะท้อนน้ำ ตอนนี้มาอยู่ในเสื้อเด็กแล้ววววว ทีมงานทดสอบเทน้ำสีผสมอาหาร นม หรือแม้แต่ซอสมะเขือเทศลงบนเสื้อ ก็ไม่เปื้อนค่ะ ไม่น่าเชื่อมากๆ ข้อดีที่สุดของผ้าแบบนี้ คือทำให้ชีวิตคุณแม่สบายขึ้นมาก พาลูกไปเที่ยว วิ่งเล่นสนามหญ้า พาไปทานก๋วยเตี๋ยว หรือให้ทานอะไร ก็ไม่ต้องกลัวเสื้อสวยๆ เลอะ แถมประหยัดเวลาซักผ้าด้วย ไม่ต้องมาคอยแช่ผ้าให้คราบมันออกแบบสมัยก่อน สำหรับเสื้อเด็ก the good day lab™…
8 ธันวาคม 2566

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save