fbpx

7 วิธีรับมือเมื่อลูกรักเป็นเด็กขี้ฟ้อง

Writer : parentsone
: 16 มกราคม 2561

ปัญหาเรื่อง “ลูกขี้ฟ้อง” เป็นปัญหาน่ากลุ้มของหลายๆ บ้านอยู่เหมือนกันนะคะ เนื่องจากเราบอกลูกไว้ว่าถ้ามีอะไรให้มาเล่าให้ฟัง คราวนี้คนตัวเล็กเลยเล่าทั้งเรื่องจริง เรื่องไม่จริง และทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เกินจริงไปมาก จนทำให้ทั้งครูและผู้ปกครองต่างปวดหัวไปตามๆ กัน วันนี้แม่แอร์จากเพจ เลี้ยงลูกเชิงบวก จึงนำสาเหตุและวิธีแก้ไขมาฝากกันค่ะ

สาเหตุที่ทำให้ลูกขี้ฟ้อง

  1. เกิดขึ้นจากช่วงวัยของลูก โดยในช่วงอายุ 3 ปีจะเป็นช่วงที่เด็กๆ เริ่มไปโรงเรียน จากเด็กที่เคยมีของเล่นเล่นอยู่ที่บ้านคนเดียว มีคนคอยเอาอกเอาใจ แต่พอไปโรงเรียนแล้ว ต้องไปแบ่งของเล่นกับเพื่อน เพื่อนก็อาจจะแบ่งให้บ้าง ไม่ให้บ้างตามประสาเด็ก คุณครูก็ต้องดูแลเด็กหลายคน พอลูกรู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้ดังใจก็หงุดหงิด และนำไปเรื่องบอกคุณครู และคุณแม่  
  2. อยากเอาคืน ลูกอาจจะถูกเพื่อนแกล้งจริงๆ แต่ทำอะไรเพื่อนคนนั้นไม่ได้ จึงบอกคุณครู หรือคุณพ่อ คุณแม่ซึ่งเป็นผู้ใหญ่กว่าให้ไปจัดการแทน
  3. เห็นว่าเพื่อนทำอะไรไม่ถูก ต้องแก้ไข แต่พอบอกไปเพื่อนก็ไม่เชื่อ จึงต้องมาบอกคุณครู
  4. เรียกร้องความสนใจ อยากเป็นคนที่ผู้ใหญ่รัก อยากเก่งและเป็นเด็กดีมากกว่าคนอื่นๆ
  5. เกิดจากพฤติกรรมเลียนแบบ เช่น เห็นจากในละครทีวี ก็นำไปทำบ้าง

เมื่อรู้สาเหตุที่ทำให้ลูกเป็นเด็กขี้ฟ้องแล้ว เราก็ควรมีวิธีการรับมือดังต่อไปนี้ค่ะ

1. รู้จักลูก และไม่เข้าข้างลูกเกินไป

เป็นการรักลูกตามความเป็นจริง รู้ว่าลูกเรามีนิสัยอย่างไร ถ้ารู้อยู่แล้วว่าลูกช่างฟ้อง ก็ยิ่งควรมีสติในการรับฟัง ไม่งั้นจะกลายเป็นปัญหาผู้ใหญ่ทะเลาะกัน หากลูกทำดีก็ชมเชย แต่หากทำผิดก็ต้องว่าไปตามผิด พร้อมอธิบายเหตุผลให้ลูกทราบ หากเรารักลูกมากไป หรือปล่อยเลยตามเลย ลูกจะเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเอง ใครทำอะไรไม่ถูกใจก็ฟ้องหมด

2. สอนลูกให้ยอมรับความแตกต่าง

ทุกคนมีข้อดี – ข้อเสีย แตกต่างกัน บางคนอาจจะมีฐานะไม่ค่อยดี แต่เขาเป็นเด็กขยัน ในขณะที่เด็กอีกคนอาจจะตัวดำ แต่ก็มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ ตัวลูกเองก็มีทั้งข้อดี ข้อเสียเช่นกัน ดังนั้น จึงอย่าไปจับผิดเพื่อน

3. รับฟังลูกด้วยเหตุผล

เรื่องนั้นเกิดขึ้นกับใคร ที่ไหน อย่างไร แล้วค่อยคิดวิเคราะห์ปัญหา บางทีอาจเป็นเรื่องที่ลูกไปเจอมาแล้วเอามาเล่าให้เราฟัง ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขาเองจริงๆ ก็ได้ จากนั้นจึงสอบถามครู และเพื่อนๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยใจที่เป็นกลาง หากเพื่อนผิดจริง ก็ต้องหาทางแก้ปัญหาร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย

4. สอนลูกให้รู้จักเลือกคบเพื่อน

ถ้าใครแกล้ง หรือทำร้ายเรา ก็ให้พยายามหลีกเลี่ยง ให้เลือกคบเพื่อนคนอื่นๆ เวลาไปไหนอย่าไปคนเดียว ควรมีเพื่อนอีกคนหนึ่งไปด้วย

5. สอบถามคุณครูว่าลูกเราเป็นอย่างไรเมื่ออยู่โรงเรียน

เด็กบางคนพออยู่ที่บ้านก็นิสัยอย่างหนึ่ง แต่พอไปโรงเรียนกลับมีนิสัยอีกอย่างหนึ่งก็มี จริงๆ แล้วลูกเราอาจจะเป็นคนแกล้งเพื่อนก็ได้ แต่กลัวความผิด จึงไปฟ้องครูก่อน ซึ่งหากลูกเราผิดจริง ก็ต้องสอนให้ขอโทษเพื่อนด้วยความจริงใจ

6. สอนลูกว่าหากถูกแกล้งจริงๆ ควรรีบบอกครู และพ่อแม่

เพื่อจะได้ขอความช่วยเหลือ แต่หากไม่ได้ถูกแกล้งจริงๆ อย่าใช้วิธีพูดโกหก เพราะจะกลายเป็นเด็กไม่น่ารัก ไม่มีใครอยากคบด้วย ต่อไปพูดอะไรไปก็ไม่มีใครฟัง

7. ใช้นิทานเป็นตัวช่วย

เช่น นิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะ หนูนิดพูดโกหก เพราะการใช้นิทานช่วยจะทำให้ลูกเข้าใจและเห็นภาพมากขึ้น นอกจจากนี้เมื่อลูกเห็นโทษของการโกหกจากในนิทาน ลูกก็จะจดจำและไม่ทำตามตัวละครในนิทานค่ะ

เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่เข้าใจยากอยู่สักหน่อยสำหรับเด็ก แต่หากเราสอนลูกตั้งแต่แรกๆ ก็จะทำให้ลูกมีความรู้เข้าใจในเรื่องนี้มากขึ้น และอาการขี้ฟ้องก็จะค่อยๆ ลดลงแล้วล่ะค่ะ

ติดตามแม่แอร์ได้ที่เพจ เลี้ยงลูกเชิงบวก นะคะ

Writer Profile : parentsone

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



6 แอปพลิเคชันสำหรับเด็ก ช่วยพัฒนา EF
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
10 โรงเรียนอนุบาลนานาชาติยอดฮิตในกรุงเทพ
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
อ่านก่อนโพสต์รูปลูกลง SOCIAL MEDIA!
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
“Fun English” เกมส์ฝึกภาษาสำหรับเด็ก
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
เคล็ดลับฝึกลูกให้มีสมาธิ
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
โรงเรียนอนุบาลทางเลือกที่โดนใจคุณแม่
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
5 บทเรียนที่พ่อแม่ควรสอนลูกวัยอนุบาล
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save