fbpx

8 กิจกรรมดีต่อ IQ และ EQ

: 10 เมษายน 2562

การสร้างสักยภาพ ความสามารถของลูก ควรพัฒนาสมองทั้งสองซีกอย่างสมดุล ไม่เฉพาะเพียงด้านใดด้านหนึ่ง และวิธีที่เราสามารถทำได้เลยก็คือ การทำกิจกรรมร่วมกันกับลูก:)

ให้โอกาสลูกได้พูด

ช่วง 2-3 ขวบปีแรก คือช่วงที่ลูกจะฝึกกพูด ดังนั้น การเรียบเรียงคำพูดของเขาอาจทำได้ไม่ดีนัก เราก็ไม่ควรเร่งรัดหรือปิดกั้นโอกาส เพียงเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาสื่อสาร

  • ทำความเข้าใจกับสิ่งที่ลูกสื่อสาร สรุปสิ่งเขาต้องการพูดกับเราด้วยคำสั้น ๆ เช่น “ใช่อย่างนี้หรือเปล่าลูก” เพื่อลูกจะได้เรียนรู้การพูดที่ถูกต้อง และชมลูก เพื่อสร้างความมั่นใจ ให้เขากล้าพูดกับเรา เช่น “แม่ชอบฟังหนูพูดนะ” “เสียงของหนูน่าฟังมากเลย”
  • หากลูกไม่ชอบพูด เวลาพูดกับเขาใช้คำถามนำทาง เพื่อให้เขาพูดหรือเล่าให้เราฟัง เช่น หลังจากเล่านิทานเสร็จ
    “ลูกชอบตัวละครตัวไหนที่สุด” “หนูลองเล่านิทานที่ฟังให้แม่ฟังบ้างได้ไหม” อย่างนี้หรือเปล่าลูก”

ชวนลูกสังเกต

สิ่งที่เขาสัมผัสกับโลกภายนอกตั้งแต่เกิด คือการฟัง การดู การดม การสัมผัส จนเมื่อเขาอายุ 3-6 ปี ลูกจะสังเกตและแยกแยะสิ่งของต่างๆ ได้ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญทางสติปัญญาและการเรียนรู้ของเด็กทุกๆ คน จึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะชวนลูกสังเกต

  • สอนลูกสังเกตให้เป็นลำดับ เช่น เวลามองดูต้นไม้ ให้เขามองจากล่างขึ้นไปหาบบน หรือจากบนลงล่าง และต่อด้วยคำถามว่า “ข้างบนมีอะไร แล้วตรงกลางล่ะมีอะไร”
  • ชี้แนะลูกว่า ควรเริ่มสังเกตจากตรงไหน มีรายละเอียดเป็นอย่างไร เพื่อให้การสังเกตของเขาเป็นไปอย่างมีระบบ สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและจับประเด็น ได้แม่นยำ

เคลื่อนไหวร่างกาย ไปตามจังหวะ

กล้ามเนื้อแต่ละส่วนมีเซลล์ประสาทเชื่อมโยงไปสู่สมอง การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นให้มีความรู้สึกนึกคิดที่ว่องไวและสมบูรณ์มากขึ้น ควบคู่ไปกับสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง

  • ชวนลูกออกกำลังกายนอกบ้าน เช่น ขี่จักรยาน วิ่งเล่น ไปรู้จักเพื่อนๆ ทำกิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจ
  • เลือกกิจกรรมตามความสนใจของลูก ทำให้การออกกำลังกายของเขาเป็นเรื่องสนุก

สร้างการจดจำด้วยคำพูดซ้ำ ๆ

ความจำจะช่วยเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้ ยิ่งรับรู้มากเท่าใด ความจำก็ยิ่งแม่น เราจึงต้องฝึกให้ลูกฟังซ้ำ ๆ และพูดซ้ำ ๆ เพื่อกระตุ้นความจำ

  • ฝึกลูกพูดคำศัพท์หรือประโยคง่าย ๆ ซ้ำ ๆ ทำเป็นประจำบ่อย ๆ จะช่วยให้ลูกจดจำได้แม่นยำขึ้น
  • สมองของมนุษย์จดจำได้หลายด้าน อาจจดจำตำราเรียนไม่เก่งแต่จดจำตัวโน้ต ตัวเลขได้ดี โดยเฉพาะเมื่อเด็กแสดงความสนใจต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง สมองจะจดจำได้เที่ยงตรงและแม่นยำขึ้น

ชวนนับ สัมพันธ์กับตัวเลข

ในเด็กเล็กยังมีสมาธิไม่มากพอจะเรียนรู้เรื่องตัวเลข การบังคับหรือตำหนิจะทำให้เขารู้สึกแย่ เกิดแรงต่อต้าน จึงไม่ควรใจร้อนสอนเขา แต่ค่อย ๆ สอนผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ใช้การนับของและการเล่นเกมสร้างทัศนคติเรื่องตัวเลข

  • สอนเรียนรู้เรื่องตัวเลข เรื่องจำนวน จากเรื่องราวในชีวิตประจำวันง่าย ๆ เช่น หยิบขนมให้ลูกทีละชิ้น พร้อมกับพูดไปด้วย เช่น “หนึ่งชิ้น สองชิ้น สามชิ้น” หรือเวลาเดินลงบันได ก็นับไปพร้อมกัน เป็นต้น
  • เมื่อถึงวัยที่ลูกโตพอจะฝึกบวกลบแบบง่าย ๆ อาจชวนกันเล่นบทบาทสมมติ ให้เขาเป็นคนขาย (พ่อแม่เป็นลูกค้า) เก็บเงิน ทอนเงิน รับรองว่า สนุกมากกว่าการท่องจำตัวเลขแน่นอนค่ะ

ศิลปะพาเพลิน

การส่งเสริมจินตนาการที่เป็นไปตามวัย ด้วยกิจกรรมศิลปะตั้งแต่การปั้น การวาดรูประบายสี การพับการแปะ การติดหรือประดิษฐ์ประดอย จะช่วยดึงจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ออกมาใช้ และยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของครอบครัวไปด้วยค่ะ

  • ทำกิจกรรมศิลปะไปกับลูก จะช่วยฝึกสมาธิและพัฒนากล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ช่วยให้ประสาทสัมผัสระหว่างมือและสายตาทำงานประสานกัน
  • ลูกสามารถเรียนรู้ศิลปะได้ในทุก ๆ ที่ เช่น ไปพิพิธภัณฑ์ โรงละคร แล้วอย่าลืมต่อยอดความคิดด้วยการพูดคุยหรือตั้งคำถามไปด้วยกันกับลูกนะคะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่

เด็กทุกคนเกิดมาพร้อมกับความอยากรู้อยากเห็น ใช้ทุกประสาทสัมผัสรับรู้ และประสบการณ์ต่างๆ ที่เขาได้รับจะทำให้สมองดูดซับข้อมูลเอาไว้ เราจึงต้องสร้างกิจกรรม เพื่อให้เขารับรู้และเรียนรู้ได้หลากหลาย

  • นำขวดแบบต่าง ๆ เช่น ขวดแก้ว ขวดไม้ ขวดพลาสติกให้เขาลองสัมผัส สังเกตว่าความแตกต่าง หรือเคาะขวดน้ำให้เขาฟังเสียง ว่าเป็นเสียงขวดแก้วหรือขวดพลาสติก เป็นต้น ​
  • เด็ก ๆ จะหมดความสนใจที่จะทดลองหรือหาคำตอบ เมื่อรู้สึกว่าจินตนาการถูกจำกัด เราจึงต้องปล่อยให้เขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง มากกว่าการบอกเขาว่า “ต้องทำแบบนี้ ……”

การนอนที่มีคุณภาพ

การนอนเกี่ยวข้องกับพัฒนาการทางร่างกายและการเรียนรู้ของเด็ก ถ้าเขานอนหลับมากพอ เมื่อตื่นนอนก็จะมีกำลังมากพอเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ในตอนกลางวันได้ดี ตรงกันข้าม ถ้านอนหลับไม่ดีพอ ความรู้สึกทางอารมณ์ การตอบสนองของสมองก็จะเชื่องช้า ไม่สามารถจดจำหรือเรียนรู้อะไรได้ดีนัก

  • ปล่อยให้เขาได้ใช้พลังงานอย่างเต็มที่ในช่วงเวลากลางวัน เพื่อเมื่อถึงเวลาเข้านอน เขาจะได้นอนได้ง่ายขึ้น
  • ให้เขามีความคุนชินกับการเข้านอน โดยจัดสรรเวลาอย่างเหมาะสม เช่น 1 ทุ่มเล่น /2 ทุ่มอาบน้ำ และ 3 ทุ่ม ฟังนิทานเข้านอน
Writer Profile : Tuk LittleMonster

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



สิ่งที่จะทำให้ฉันมีความสุข
ชีวิตครอบครัว
ชีวิตครอบครัว ชีวิตครอบครัว
11 สิงหาคม 2560
20 เหตุผลที่เราควรพาลูก(และแม่)เที่ยว
กิจกรรมของครอบครัว
Emotions รู้ทันอารมณ์ต่างๆ ของลูก
ช่วงวัยของเด็ก
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save