เมื่อชีวิตคู่ของพ่อแม่ไปต่อไม่ได้ มีความขัดแย้งกันในครอบครัว ย่อมทำให้เกิดการเลิกลากันระหว่างคนเป็นพ่อเป็นแม่ ซึ่งเป็นเรื่องของคนสองคน ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าลูกจะต้องหย่าร้างกับพ่อแม่ด้วย
อย่างไรก็ตามการหย่าร้าง หรือการที่พ่อแม่ต้องแยกทางกันนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่หรอกนะคะ หากครอบครัวมีความขัดแย้งกันมากๆ ยิ่งอยู่ด้วยกันไปเด็กก็จะมีความเครียดอย่างรุนแรงกว่า ดังนั้นก็จะเป็นเรื่องที่ดีกว่าที่แยกกันอยู่ แต่คุณพ่อคุณแม่ควรจะทำอย่างไร ถึงจะส่งผลดีกับตัวเองและลูกน้อยล่ะคะ
ความขัดแย้งในครอบครัวนั้น แน่นอนค่ะมันส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเด็กๆ ทำลายความอบอุ่นภายในครอบครัวอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย การพูดจา เด็ๆ สามารถสัมผัสพลังงานลบนี้ได้ โดยเฉพาะช่วง เด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 19 ปี ซึ่งถือว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในชีวิตนั้นเองค่ะ
สิ่งที่พ่อแม่ต้องเตรียมตัว
1.ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น อยู่กับปัจจุบัน แล้วเดินต่อไปข้างหน้า
2.ดูแลตัวเอง ไม่ปล่อยให้ตัวเองจมจ่อมกับความรู้สึกและความคิด
3.วางแผนให้ดีเรื่องค่าเลี้ยงดูลูก ควรตกลงกันตามกฎหมาย
4. ร่วมมือกันเพื่อเลี้ยงลูก และยังคงความสัมพันธ์ที่ดีในฐานะพ่อของลูกและแม่ของลูก
5.อย่ารีบหาใครมาทดแทนคนรักเดิม เวลาเศร้าหรือเหงาก็ตาม
สิ่งที่ต้องเตรียมตัวสำหรับลูก
1.สร้างความมั่นใจกับลูกเสมอว่า การที่พ่อแม่แยกทางกันไม่ได้มีสาเหตุมาจากลูก ถึงแม้พ่อแม่จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ยังไงก็ยังคงรักลูกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
2.การบอกความจริงกับลูก ทั้งคุณพ่อคุณแม่ควรร่วมกันพูดคุยเรื่องการหย่ากับลูก เพราะในระยะยาวจะทำให้เขาสามารถปรับตัวได้ดีกว่า ให้ลูกรู้ในสิ่งที่ควรรู้ สร้างความมั่นใจเกี่ยวกับอนาคต และเปิดโอกาสให้เด็กได้ถามในสิ่งที่เขาอยากรู้ แต่คำตอบจากคุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นภาษาที่เหมาะสมกับวัยของเด็กนะคะ จุดสำคัญก็คือถึงแม้พ่อแม่จะแยกทางกันไม่ได้อยู่ด้วยกันครบเหมือนเมื่อก่อน แต่เราก็ยังคงรักลูกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
3.รักษาสภาพความเป็นอยู่ให้ใกล้เคียงชีวิตเดิมของลูกเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะในระยะแรก และหากลูกยังสามารถเรียนโรงเรียนเดิมได้ หรือยังทำกิจกรรมที่เขาชอบได้ เหมือนเดิม เขาก็จะสามารถปรับตัวได้ง่ายขึ้นค่ะ
4.ปฎิบัติต่อลูกด้วยความรักและเอาใจใส่เหมือนเดิมเดิม ไม่ว่าลูกจะอยู่กับใครก็ตาม แรกๆ เด็กๆ อาจจะยังไม่เข้าใจและแสดงความไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ถ้าเรายังใส่ใจและปฏิบัติต่อลูกเหมือนเดิม เขาจะเข้าใจและค่อยๆ ปรับตัวและสามารถรับรู้ได้ว่าพ่อแม่ยังคงรักลูกเหมือนเดิมนะคะ
สิ่งที่ไม่ควรทำ
1.การด่าต่อหน้าลูก ซึ่งจะพบได้บ่อยมาก มักจะเกิดในคุณพ่อคุณแม่ที่เจ็บปวดกับการกระทำของอีกฝ่าย และทำการระบายด้วยการด่ากัน ต่อหน้าลูกให้เขาฟัง
2.ดึงลูกให้มาเป็นฝ่ายตน เช่น “ถ้าลูกไปคุยกับพ่อ แม่จะไม่รักลูกนะ” ซึ่งบางคนก็กีดกัน และแสดงความไม่พอใจที่ลูกไปยุ่งกับอีกฝ่าย
3.ทำให้ลูกเป็นผู้ส่งสาร เช่น พ่อบอกให้ลูกไปบอกแม่ว่า “เสาร์ อาทิตย์นี้พ่อไม่อยู่นะ ฝากบอกแม่ด้วย” แต่ทันใดที่ลูกไปบอกแม่ แม่ก็บอกลูกให้ไปบอกพ่อต่อว่า “เออ จะไปตายที่ไหนก็ไปเถอะ”
4.บังคับลูกให้เลือกว่าจะอยู่กับใคร สิ่งที่จะทำให้เด็กรู้สึกผิดมากๆ หากเขาไม่ได้เลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง บางคนก็กลัวว่าพ่อหรืแม่ถ้าเลือกใครไปแล้ว จะเลิกรักเขา
จากบทความข้างต้นที่กล่าวมา ก็อยากจะฝากคุณพ่อคุณแม่ให้ควรระวังการปฏิบัติตนกับลูกให้มากๆ ไม่ควรระบายความโกรธ หรือสิ่งที่ไม่ควร ต่อหน้าลูก ซึ่งทำให้เขารู้สึกผิด ถึงแม้การหย่าร้างของพ่อแม่จะเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่คุณพ่อคุณแม่ต้องร่วมมือกันรักษาใจของลูกให้ไม่สลายให้มากที่สุด เพราะลูกสำคัญที่สุดในชีวิตนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : thepotential, สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย