fbpx

6 ความพร้อมที่ต้องมี เมื่อลูกอยากเลี้ยงสัตว์เลี้ยง

Writer : OttChan
: 5 กุมภาพันธ์ 2564

บางทีความโกลาหลในบ้านก็เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ด้วยการไปเดินเล่นที่ร้านต่างๆหรือดูรายการทีวีด้วยและลูกสุดที่รักหลุดคำว่า   ” น่ารักจัง!! ขอเลี้ยงได้มั้ยครับ/คะ!! ”

ใช่แล้วค่ะ เด็กๆ ของเราอยากมีสัตว์เลี้ยงในบ้าน

เมื่อคำขอมา แน่นอนว่านี่คืออุปสรรคใหญ่เลยทีเดียวของคนเป็นพ่อเป็นแม่เพราะการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงซักตัวก็ไม่ต่างอะไรกับมีสมาชิกครอบครัวเพิ่มเข้ามาในบ้านอีกคนให้ดูแลเลยใช่ไหมล่ะคะ ยิ่งคนที่อยากเลี้ยงเองก็อาจจะยังมีวุฒิภาวะ และความรับผิดชอบที่ไม่มากพอจะดูแลเอง ก็เป็นหน้าที่ของเราอีกที่จะต้องคอยช่วยเหลือเขาในการเลี้ยงดูซึ่งมันจะต้องทำให้พบเจอกับภาระหลายๆ อย่างที่ตามมาอีกมาก

แต่ทว่า ถ้าอยากลองดูซักตั้ง เพราะเราเองก็อยากลองเลี้ยงอยู่แล้วหรือตั้งใจแล้วว่า นี่อาจจะเป็นการดีที่ทำให้เด็กในบ้านได้ลองฝึกวินัยตนเองและเพิ่มความรับผิดชอบ จะให้เลี้ยงก็คงไม่เสียหาย

ถ้าคิดแบบนั้นแล้ว เราก็ต้องมาเริ่มเตรียมตัวกันเลยกับการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 6 ข้อ ไปดูกันเลยค่ะ

ความพร้อมเรื่องสุขภาพ

สิ่งแรกที่เราต้องดูก่อนคือ สุขภาพของทุกคนในครอบครัวสามารถที่จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้จริงหรือไม่ เพราะสุขภาพของทุกคนนั้นล้วนสำคัญอย่างมาก หากมีใครสักคนในบ้านแพ้ขนสัตว์หรือมีอาการหวาดกลัวต่อสัตว์บางชนิดแล้วนั้น มันก็จะส่งผลกระทบวงกว้างได้ในอนาคตหากยังดึงดันว่าอย่างไรก็จะเลี้ยง ดังนั้นเรื่องสุขภาพของผู้ร่วมเลี้ยงทุกท่านต้องมาเป็นอันดับหนึ่งในการคัดสรรว่าสมควรเริ่มมีสัตว์เลี้ยงหรือไม่ และหากได้เลี้ยงจะสามารถเลี้ยงสัตว์ประเภทไหนได้บ้าง และสิ่งที่ต้องสังเกตคือ

  • ตรวจสุขภาพให้มั่นใจว่าบ้านว่าใครแพ้สิ่งไหนบ้างอาทิ ขน, น้ำลายหรืออาจเป็นภูมิแพ้ได้ง่าย จากการหายใจในบ้านที่มีสัตว์ร่วมอาศัย ซึ่งหากทำได้ควรมีการตรวจหาอาการแพ้อย่างจริงจังเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต
  • ดูความเหมาะสมของอายุคนในบ้านว่าเหมาะกับสัตว์เลี้ยงประเภทไหน เช่นในบ้านมีเด็กเล็กกับผู้สูงอายุ ไม่สมควรเลี้ยงสัตว์ที่มีขนาดตัวใหญ่หรือพละกำลังมากเพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ง่าย

ความพร้อมเรื่องพื้นที่

เพราะสัตว์เลี้ยงแต่ละชนิดต้องใช้พื้นที่ในการเลี้ยงที่แตกต่างกัน การเตรียมพื้นที่ไว้ให้พร้อมนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ เพราะการที่เราจะรับสัตว์ชนิดไหนเข้ามาเลี้ยงแปลว่าเราต้องมีสถานที่รองรับอย่างดีพร้อมแล้วจึงสามารถนำมาเลี้ยงได้ เช่น

  • สัตว์เล็กอย่างกระต่าย, หนูแฮมสเตอร์, นก, ปลา, สัตว์เลื้อยคลาน, แมลง จำเป็นต้องมีพื้นที่สำหรับวางกรงหรือโถ, พื้นที่ที่มีอุณหภูมิพอเหมาะ
  • สัตว์ขนาดกลางอย่างสุนัขพันธุ์เล็ก, แมว, ไก่, เป็ด จำเป็นจะต้องมีพื้นที่กว้างในบ้านที่มากพอให้เขารู้สึกไม่เครียดในการเดินหรือเคลื่อนไหว และที่สำคัญพื้นผิวของพื้นและการปีนป่ายต้องสอดคล้องกับการเดินของเขาอีกด้วย
  • สัตว์ขนาดใหญ่อย่างสุนัขพันธุ์ใหญ่, ม้าหรือสัตว์สี่ขาที่มีขนาดตัวสูงกว่า 1 เมตร จำเป็นจะต้องมีพื้นที่ที่เป็นสวนหรือสนามให้เขาเพื่อให้สัตว์เหล่านั้นไม่เกิดความเครียดหรืออัดอั้น ยิ่งตัวใหญ่ยิ่งต้องปลดปล่อยพลังงานออกมามาก ดังนั้นพื้นที่นี้จำเป้นอย่างมาก หากบ้านไม่มีก็จำเป็นต้องหาสวนละแวกใกล้เคียงหรือลานกิจกรรมให้ได้พาออกไปผ่อนคลาย

ฉะนั้นแล้ว ความพร้อมเรื่องพื้นที่จึงควรเป็นสิ่งแรกที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำความเข้าใจกับเด็กๆ ในบ้านกับการเลี้ยงสัตว์ตัวแรกของพวกเขา เพราะถ้าสามารถดูความเหมาะสมได้แล้ว ก็จะนำไปสู่ความพร้อมเรื่องอื่นๆ ถัดไปโดยมีเรื่องพื้นที่ช่วยกำหนดแนวทางในการเลี้ยงไว้ได้

ความพร้อมเรื่องค่าใช้จ่าย

การเลี้ยงสัตว์เพิ่มเข้ามาในบ้าน ก็เป็นการเพิ่มสมาชิกเข้ามาในบ้านที่สำคัญ ดังนั้น ไม่ว่าจะสัตว์เลี้ยงจะเป็นชนิดไหน, พันธุ์อะไร ล้วนแล้วแต่มีค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นซึ่งตรงนี้คุณพ่อคุณแม่อาจต้องวางแผนระยะยาวในการใช้จ่ายล่วงหน้าไว้ด้วยว่า เราสามารถแบ่งส่วนค่าใช้จ่ายในบ้านมาใช้จ่ายในส่วนนี้ได้รึเปล่า หรือหากเกิดกรณ๊ไม่คาดฝันอย่างสัตว์เลี้ยงป่วย, โดนอุบัติเหตุ จะมีเงินทุนพอในการช่วยเหลือหรือไม่

ดังนั้น การเก็บเงินเพื่อมารองรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องที่ใหญ่อันดับต้นๆ เลยในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง ผู้ปกครองควรมีทุนไว้หลักพันหรือหมื่นในการเลี้ยงดูอีกหนึ่งสมาชิกใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคตได้ซึ่งค่าใช้จ่ายที่ควรมีไว้มีดังนี้

  • ค่าอุปกรณ์ดูแลเช่น กรง, แชมพู, สบู่, ของเล่น, ผ้าหรือเสื่อปู, สายคล้องจูง
  • ค่าอาหารเช่น อาหารเม็ด, อาหารเปียก, วิตามิน, ขนม
  • ค่ารักษาเช่นวัคซีน, แก้คัน, เห็บหมัด, เงินก้อนสำหรับการผ่าตัด

 

ความพร้อมเรื่องเวลา

เพราะการเลี้ยงสัตว์ไม่เหมือนกันการซื้อของเข้าบ้านที่หลังจากซื้อแล้วและติดตั้งในบ้านก็จบลงเสร็จสมบูรณ์เพราะสัตว์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องได้รับการดูแลไม่ต่างอะไรกับเด็กเล็ก ยิ่งเป็นสัตว์ที่ขี้เล่น ติดคน ก็จะยิ่งต้องให้เวลาอย่างมากในการเลี้ยงดูและเล่นด้วยเพราะหากไม่ให้ความใส่ใจหรือใช้เวลาในการดูแลเขาก็อาจทำให้น้องสัตว์ที่เรารับมาเกิดสภาวะเครียด และป่วยได้ในที่สุด ดังนั้นหากลูกของเราต้องการที่จะเลี้ยงแล้ว สิ่งสำคัญมากๆ เลยคือต้องมีเวลาให้เขา และจัดแบ่งอย่างเป็นระบบเช่น

  • ต้องมีเวลาในการให้อาหาร, พาไปเดินเล่น, ทำความสะอาด เช่นเด็กๆ มีหน้าที่ให้อาหารเช้าและเย็น, คุณแม่มีหน้าที่พาออกไปวิ่งเล่น, คุณพ่ออาบน้ำ, ล้างกรง
  • ต้องมีเวลาในการพาไปพบสัตวแพทย์, สามารถสละเวลาบางวันเพื่อดูแลได้ยามสัตว์เลี้ยงเจ็บไข้ได้ป่วย เช่นคุณพ่อมีหน้าที่ขับรถพาสัตว์เลี้ยงไปหาคุณหมอหรือหากไม่ว่างคุณแม่ต้องสามารถพาไปได้
  • ต้องมีเวลาในการให้ความรัก ไม่รำคาญหรือผลักไสเวลาที่สัตว์เลี้ยงต้องการเป็นอีกหนึ่งส่วนของครอบครัว เช่นช่วงเวลาในการทำกิจกรรมนอกบ้าน, การสอนทักษะหรือรับฟังคำสั่งอย่างง่าย ก็ต้องมีเวลาให้เขาในการได้เล่นกับทุกคนในครอบครัว

 

ความพร้อมเรื่องความรับผิดชอบของลูก

ในความพร้อมเรื่องพื้นที่และค่าใช้จ่ายนั้นหลักๆ คงต้องอยู่ในการดูแลของคุณพ่อคุณแม่อยู่แล้วแน่นอนใช่ไหมคะ ซึ่งในเรื่องเวลาเองก้สามารถแบ่งกันได้ คราวนี้ก้มาถึงความพร้อมที่ยากเกือบอันดับสุดท้ายแล้วคือความพร้อมของลูกเราในการเลี้ยง เพราะเราไม่สามารถรู้ได้อย่างรอบด้านว่าการที่เขาต้องการเลี้ยงนั้นเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ, มองว่าการมีสัตว์เลี้ยงเหมือนการมีของเล่นหรือกำลังต้องการเพื่อนเล่นในชีวิตเพิ่มจึงได้อยากเลี้ยงเพราะฉะนั้น ความพร้อมของลูกเราก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจและดูแลให้อยู่ในขอบเขตที่เราสามารถดูแลได้ ดังนั้นความพร้อมที่ลูกต้องมีนั้นคือ

  • พร้อมที่จะรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเองในการเลี้ยง เช่นลูกมีหน้าที่ในการให้อาหาร ก็ต้องให้ครบทุกมื้อ ไม่อิดออดหรือเกี่ยงทำกับใครในบ้าน คุณพ่อคุณแม่ต้องกำหนเหน้าที่ที่แน่นอนให้เขารู้จักรับผิดชอบ
  • พร้อมที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลงเพราะสัตว์ทุกตัวย่อมมีการเติบโต ผู้ปกครองต้องสอนให้เข้าใจว่า สัตว์เลี้ยงจะไม่ได้น่ารัก หรืออุ้มได้ตลอดไป จะต้องมีการเติบโตและอาจเล่นแรงขึ้นจนทำให้รู้สึกกลัว เด็กๆ ต้องมีความพร้อมที่จะยอมรับในส่วนนี้ด้วย
  • พร้อมที่จะแบ่งปันความรักให้กับสัตว์เลี้ยงเพราะการอิจฉาหรืองอนอาจเกิดขึ้นได้ถ้ามีใครคนใดถูกสนใจมากกว่า ในกรณีของสัตว์เลี้ยงก็เช่นกันที่อาจทำให้เขารู้สึกถูกแย่งความรักไปจากพ่อแม่ได้ ดังนั้นการสอนให้ลูกรู้จักที่จะแบ่งปันความรู้สึกดีๆ จะช่วยให้ลูกสนิทกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้นรวมไปถึงได้ฝึกความเห็นอกเห็นใจและเมตตาไปในตัวด้วย

 

ความพร้อมเรื่องการลาจาก

ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนอายุยืนยาวตลอดไป ในบางครั้งสัตว์เลี้ยงของเราอาจมีอายุขัยเพียง 3-5 ปี หรือถ้ามีอาการป่วยหรือโรคแทรกซ้อนอาจทำให้เขาจากไปได้โดยที่ยังใช้ชีวิตร่วมกันมาไม่ถึงปีก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นความพร้อมในส่วนนี้เป็นส่วนที่ทำใจได้ยากที่สุดทั้งตัวคุณพ่อคุณแม่และตัวเด็กเอง เพราะอย่างไรแล้วเมื่อความผูกพันเริ่มขึ้น ความเศร้าโศกเมื่อต้องสูญเสียคนที่รักก็จะตามมาเช่นกัน

ดังนั้น ทุกคนในครอบครัวต้องคิดอยู่เสมอว่า เรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความเสียใจ และโอบกอดกันไว้ให้แน่นในวันที่เกิดขึ้นจริง

 

ที่มา : today.line , mamykid , dogilike

Writer Profile : OttChan

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



7  วิธี พิชิตการทานยากของเด็ก
ชีวิตครอบครัว
ตัวตนของลูก คือทางของลูก
ชีวิตครอบครัว
Update
12 ตุลาคม 2567

12 ตุลาคม 2567
12 ตุลาคม 2567
anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save