fbpx

NEWS: ไม่ใช่เคสแรกและเคสสุดท้าย เหตุการณ์ครูทำร้ายเด็ก หลังพบเรื่องแบบนี้หลายกรณี

Writer : Lalimay
: 28 กันยายน 2563

หลังจากที่เป็นข่าวอย่างครึกโครมในกรณีที่มีการลงโทษและทำร้ายร่างกายเด็กเกินเหตุของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านนนทบุรี โดยที่ครูได้ลงมือทำร้ายร่างกายเด็กเกือบทั้งห้อง ไม่ว่าจะเป็นการกระชาก จิกหัว หรือผลักจนล้มนั้นถือเป็นเหตุความที่สร้างความสะเทือนใจแก่อยู่เป็นพ่อแม่อย่างมาก

แต่เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เป็นเพียงเหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นในสังคมไทย เพราะมีหลายกรณีเช่นกันที่เด็กถูกทำร้ายร่างกายโดยคุณครูไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กหรือเด็กโต อย่างกรณีของเด็กโตก็มีเหมือนกันที่เด็กถูกทำโทษด้วยการให้ลุกนั่งจนเอ็นอักเสบหรือร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต

ในส่วนของเด็กเล็ก ก่อนหน้านี้ก็มีกรณีที่เด็กชั้นป.1 ถูกลงโทษที่จังหวัดสงขลาเช่นเดียวกัน โดยสาเหตุคือไม่ได้ระบายสีเพราะไม่มีสี แต่คุณครูไม่ได้สอบถามหรือฟังเหตุผลของเด็กก็ได้ลงมือทำโทษโดยการใช้ไม่ไผ่ฟาดเด็กจำนวน 5 ครั้งจนเกิดรอยช้ำเลือดตามหลัง

หรือล่าสุดก็เกิดขึ้นอีกแล้วกับเด็กโรงแรียนแห่งหนึ่งย่านปทุมธานี โดยมีผู้ปกครองได้โพสต์ภาพลูกมีรอยเขียวช้ำที่แขนและลำคออย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากโดนครูประจำชั้นทำร้ายเพราะเด็กไม่ยอมเขียนชื่อ

เหตุการณ์เหล่านี้ที่เกิดขึ้นจึงเป็นสิ่งที่สังคมตั้งคำถามว่า ทำไมการที่พ่อแม่ทำงานหนัก แล้วนำมาจ่ายค่าเทอมแสนแพงเพื่อให้ลูกได้รับการศึกษาและอยู่ในสังคมที่ดี กลับต้องมาพบเหตุการณ์ที่สะเทือนใจแบบนี้ นั่นแสดงให้เห็นว่าครูหรือบุคลากรทางการศึกษาของไทยบางส่วนกำลังขาดทักษะของวิชาชีพครูอยู่รึเปล่า

ทางด้านนางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้เปิดเผยข้อมูลของกรณีที่เด็กถูกครูทำร้ายร่างกายว่า การกระทำแบบนี้ขัดต่อหลักการคุ้มครองเด็กและเยาวชนมิให้ถูกใช้ความรุนแรงหรือการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รวมไปถึงพรบ.คุ้มครองเด็กด้วย 

ซึ่งการที่ครูหรือบุคลากรทางการศึกษามีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงต่อเด็กนักเรียน สะท้อนว่าครูดังกล่าวขาดทักษะวิชาชีพครู ขาดทักษะการจัดการปัญหาและขาดวุฒิภาวะ ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้ด้วยการฝึกอบรมทักษะความเป็นครู เพื่อให้เข้าใจสิทธิของเด็ก รวมไปถึงมีจิตวิญญาณของความเป็นครูและมีทักษะในการดูแลเด็กด้วย

อ้างอิงจาก

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save