fbpx

5 วิธีดูว่าลูกถูกทำร้ายจากคุณครู (หรือใคร) ที่โรงเรียนรึเปล่า พร้อมวิธีรับมือ

Writer : Lalimay
: 1 ตุลาคม 2563

ในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าเรื่องเด็กถูกทำร้ายทั้งจากคุณครูและคนรอบตัวพบเห็นได้บ่อยมาก จนทำให้คุณพ่อคุณแม่เป็นกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่น้อย โดยปกติแล้วถ้าเป็นเด็กโตก็อาจจะมีการมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เราฟัง แต่กับเด็กเล็กที่ยังไม่รู้เรื่อง คงเป็นเรื่องยากที่เขาจะมาบอกหรือเล่าให้เราเข้าใจ ดังนั้นเราคงต้องสังเกตลูกให้มากขึ้นกว่าเดิม วันนี้เราจึงมีวิธีดูว่าลูกถูกทำร้ายหรือไม่ พร้อมกับวิธีรับมือถ้าลูกถูกทำร้ายมาฝากค่ะ

1. ลูกมีอาการผวา ไม่อยากไปโรงเรียน

โดยปกติแล้ว เด็กวัย 3 ขวบหรือวัยที่กำลังเข้าโรงเรียน มักจะกลัวการพลัดพรากจากพ่อแม่แล้วไม่อยากไปโรงเรียน (separation​ anxiety)​ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในเด็กวัยนี้ แต่คุณพ่อคุณแม่ต้องแยกให้ออกว่า การที่ลูกไม่อยากไปโรงเรียนเป็นเพราะมีสาเหตุอื่นรึเปล่า 

ซึ่งเด็กที่ถูกทำร้ายจนหวาดกลัวการไปโรงเรียนนั้น ไม่ว่าเราจะกอด ปลอบหรือบังคับลูกก็ยังคงไม่อยากไป เขาจะหวาดกลัว จนกระทั่งกลับมาถึงบ้านหรือเราไปรับก็ยังคงมีการหวาดกลัวให้เห็น รวมไปถึงเริ่มกลัวอะไรแปลกๆ เช่น กลัวการเข้าห้องน้ำ กลัวเสียงดัง หรือผวาง่ายกว่าปกติ  

 

2. ลูกมีสภาพร่างกายไม่เรียบร้อย เช่น มีรอยแผล คราบอ้วก

สิ่งที่สังเกตได้ชัดหากลูกถูกทำร้ายร่างกายคือสภาพร่างกายภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้ามีรอยยับในจุดที่ไม่ควรจะยับ เช่น เขนเสื้อส่วนบน (อาจเกิดจากการกระชากแขน) คอปกเสื้อด้านหลัง (อาจเกิดจากการกระชากคอเสื้อให้ลุกขึ้น) หรือที่เห็นได้ชัดเจนกว่านั้นก็คือรอยแผลหรือรอยเขียวช้ำตามตัว ควรจะดูหลังหูด้วยเพราะบางทีลูกอาจจะถูกหยิกตรงส่วนั้นได้ รวมไปถึงคราบต่างๆ ที่อาจติดบนเสื้อผ้าอย่างคราบอ้วกหรือคราบฉี่

 

3. ลูกมีพฤติกรรมผิดปกติ เช่น โมโหร้าย หิวข้าวมากๆ หรืออั้นฉี่ 

พฤติกรรมของลูกที่เปลี่ยนแปลงไป อาจเป็นสัญญาณหนึ่งว่าเขากำลังโดนกระทำบางอย่าง อย่างเช่น ปกติลูกเป็นคนร่าเริง สุภาพ ไม่เคยทำร้ายใคร แต่ถ้ามาวันหนึ่งจู่ๆ ลูกก็มีพฤติกรรมก้าวร้าวขึ้น รุนแรง ให้ความรุนแรงกับพ่อแม่ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าเขากำลังเลียนแบบอะไรบางอย่างจากสิ่งหรือเห็นหรือสิ่งที่โดนกระทำก็ได้

นอกจากนี้บางพฤติกรรมอย่างเช่น เมื่อเจอเราก็ร้องหิวทั้งๆ ที่ยังเป็นช่วงบ่าย อาจคอยสังเกตดูว่าลูกทานไม่อิ่มหรือคุณครูรีบเก็บถาดอาหารรึเปล่า หรือลูกอั้นฉี่ พอพาไปฉี่ก็ฉี่เยอะมากๆ นั่นอาจหมายถึงลูกถูกห้ามไม่ให้ไปเข้าห้องน้ำ ถ้าไปเข้าก็อาจโดนลงโทษ จนไม่กล้าเข้าห้องน้ำที่โรงเรียนก็ได้

 

4. ลูกนอนไม่หลับหรือฝันร้าย

เรื่องการนอนเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับเด็กมากๆ เพราะการนอนหลับอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายมีการเจริญเติบโตอย่างเหมาะสม ซึ่งเด็กๆ บางคนอาจไม่ยอมนอน แต่ถ้าเรากล่อมก็จะหลับเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าอยู่ดีๆ ลูกเกิดอาการไม่ยอมนอน นอนไม่หลับ ไม่ว่าเราจะกล่อม เล่านิทาน หรือปลอบประโลมมากแค่ไหนก็ไม่ยอมนอน พร้อมมีอาการซึม รวมไปถึงถ้าได้นอนแล้ว แต่กลับมีอาการฝันร้าย ซึ่งเป็นฝันที่เกี่ยวกับเรื่องร้ายๆ ในโรงเรียน ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนหนึ่งว่าลูกอาจโดนทำร้ายค่ะ

 

5. ลูกไม่กล้าเล่าถึงเรื่องที่โรงเรียน

ลูกเริ่มเงียบผิดปกติ จากเดิมที่เคยเป็นเด็กร่าเริง ชอบเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนให้ฟัง ก็เริ่มซึมลง เมื่อถามก็มักจะไม่ยอมบอก หรืออาจพูดว่าคุณครูไม่ให้บอก เพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกทำร้าย 

 

วิธีพูดคุยกับลูกเมื่อสงสัยว่าลูกถูกทำร้าย

คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยกับลูกด้วยประโยคปลายเปิด เพื่อให้ลูกอธิบายและเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ เช่น ไปโรงเรียนวันนี้เป็นยังไงบ้าง ครูสอนเรื่องอะไร วันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง เล่ยอะไรกับเพื่อนบ้าง ครูทำอะไรหนูบ้างไหม เพราะเด็กเล็กจะยังไม่สามารถรับรู้ได้ว่าสิ่งที่เขาถูกกระทำคือการทำร้าย เขาจึงไม่สามารถเล่าเรื่องราวทั้งหมดได้ ใช้ภาษาไม่ถูก เล่าได้แต่ปะติดปะต่อ 

ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่อาจต้องพยายามคุยกับลูกให้มาก คุยทุกวันจนเป็นนิสัย อาจมีการสร้างบทบาทสมมติให้ลูกลองเล่นเป็นคุณครู แล้วคุณพ่อคุณแม่รับบทเป็นนักเรียน เพื่อดูว่าลูกได้จดจำพฤติกรรมแบบไหนของคุณครูมาบ้าง วิธีนี้ก็จะช่วยให้เรารับรู้ความเป็นไปของลูกได้เป็นอย่างดี 

และถ้ามั่นใจแล้วว่าลูกถูกทำร้ายแน่นอน คุณพ่อคุณแม่ต้องปกป้องและทำให้ลูกมั่นใจว่า พ่อแม่จะทำให้เขาปลอดภัย ไม่บังคับลูกไปโรงเรียนถ้าเรื่องที่เขาถูกทำร้ายยังไม่ได้รับการแก้ไข ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องรีบดำเนินการเรื่องนี้กับโรงเรียนอย่างเร็วที่สุด เพราะลูกของเราอาจไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ถูกทำร้ายก็ได้ ถ้าเป้นไปได้ก้ควรมีการสร้างไลน์กลุ่มหรือรู้จักกับคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นไว้ เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นจะได้ร่วมมือกันแก้ไข และปกป้องลูกของเราค่ะ

ข้อมูลอ้างอิง

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์
เคยกลับบ้านมาแล้วกรี๊ดลั่นบ้านเพราะเจ้าตัวแสบไปวิ่งเล่นเลอะเทอะกันไหมคะ ? หรือแต่งตัวลูกอย่างดีไปทานข้าวนอกบ้าน แต่คุณลูกก็ทำซอสหกใส่ ไอติมหล่นไปเป็นก้อน เละทั้งตัว วันนี้ ParentsOne มีเสื้อเด็กที่เจ๋งมากๆ จาก GQ : the good day lab™ มาลองรีวิวให้ได้ชมกันค่ะ 🛒 ช้อปเลยที่ -> https://gqsize.link/bZT7Sx แกะกล่อง GQ : the good day lab™ เสื้อเด็ก ฟีเจอร์เพียบ คุณภาพ GQ ขึ้นชื่อว่า GQ ก็มั่นใจได้เรื่องคุณภาพค่ะ ผ้านุ่ม เบาบาง เหมาะกับอากาศเมืองไทย ใส่วิ่งสบายๆ ที่แปลกตาคือเป็นเสื้อที่ไม่มีป้ายแท็กค่ะ ทั้งด้านหลังคอเสื้อ หรือข้างใน ไม่ต้องห่วงว่าจะเคืองหรือคันเลย กระดุมแข็งแรงเอามากๆ ใช้แรงผู้ใหญ่ดึงแรงๆ ก็ไม่มีปัญหาเลย ไฮไลท์สำคัญที่คุณแม่แทบกรี๊ด คือเป็นไม่เปื้อนค่าาาา เทน้ำ เทนมใส่เสื้อ ไม่เปียกเลย สะบัดสองที หายปกติ ซึ่งถ้าใครเคยเห็นโฆษณา GQ ที่เสื้อเชิ้ตขาวไปทำงานคุณพ่อ โดนกาแฟหกใส่ แต่ผ้าไม่เปื้อนเลย เทคโนโลยีผ้าสะท้อนน้ำ ตอนนี้มาอยู่ในเสื้อเด็กแล้ววววว ทีมงานทดสอบเทน้ำสีผสมอาหาร นม หรือแม้แต่ซอสมะเขือเทศลงบนเสื้อ ก็ไม่เปื้อนค่ะ ไม่น่าเชื่อมากๆ ข้อดีที่สุดของผ้าแบบนี้ คือทำให้ชีวิตคุณแม่สบายขึ้นมาก พาลูกไปเที่ยว วิ่งเล่นสนามหญ้า พาไปทานก๋วยเตี๋ยว หรือให้ทานอะไร ก็ไม่ต้องกลัวเสื้อสวยๆ เลอะ แถมประหยัดเวลาซักผ้าด้วย ไม่ต้องมาคอยแช่ผ้าให้คราบมันออกแบบสมัยก่อน สำหรับเสื้อเด็ก the good day lab™…
8 ธันวาคม 2566

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save