fbpx

ทำอย่างไรดีถ้าลูกไม่อยากเล่นกับพ่อ

Writer : giftoun
: 21 สิงหาคม 2561

อีกปัญหาหนึ่งที่มักเกิดขึ้นกับคุณพ่อนั่นคือจะทำอย่างไรดี ถ้าลูกเกิดไม่อยากเล่นกับคุณพ่อขึ้นมา แล้วคุณพ่อจะทำอย่างไรได้บ้าง มาดูกันเลยค่ะ

แสดงความรักมากขึ้น

เมื่อคุณพ่อแสดงความรักกับลูกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกอด การหอม หรือวิธีอื่นๆ จะทำให้ลูกรู้สึกสนิทกับคุณพ่อมากยิ่งขึ้น จนทำให้ลูกอยากเล่นกับคุณพ่อไปเองค่ะ

สร้างความคุ้นเคยกับลูก

อีกสาเหตุที่ลูกน้อยนั้นยังไม่มาเล่นกับคุณพ่อนั่นคือยังไม่คุ้นเคยกับคุณพ่อนั่นเอง อาจจะเพราะคุณพ่อทำงานนอกบ้านเป็นหลักและไม่ค่อยได้อยู่กับลูกก็เป็นได้ คุณพ่อลองสร้างความคุ้นเคยกับลูกทีละนิดด้วยการทักลูกเมื่อถึงบ้าน เล่นกับลูกก่อน และอื่นๆ จะทำให้ลูกเข้ามาเล่นกับคุณพ่อมากขึ้นค่ะ

ให้คุณแม่เป็นกาวใจ

ส่วนมากคุณแม่จะสนิทกับลูกมากกว่าคุณพ่ออยู่แล้ว ลองให้คุณแม่เป็นกาวใจเชื่อมคุณพ่อกับคุณลูกเข้าด้วยกัน อาจจะลองเล่นด้วยกัน 3 คนพ่อแม่ลูกจนรู้สึกสนิทแล้วคุณแม่ค่อยๆ ถอยออกมา จะทำให้ลูกกล้าเล่นกับคุณพ่อมากยิ่งขึ้นค่ะ

อยู่ใกล้ลูกบ่อยๆ

การได้อยู่ใกล้ลูกบ่อยๆ ได้ใกล้ชิด ได้ดูแลลูก ได้เล่านิทานให้ฟังก่อนนอน หรือกิจกรรมแม้เพียงเล็กน้อยก็จะสานสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อกับลูกน้อยได้เป็นอย่างดี จนทำให้ลูกมาเล่นกับคุณพ่ออย่างสบายใจขึ้นค่ะ

ดูแลความสะอาด

บางทีการที่ลูกนั้นไม่อยากเข้ามาเล่นกับคุณพ่อส่วนหนึ่งอาจจะเพราะคุณพ่อเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ เหงื่อโทรมกาย และมีกลิ่นตัวก็เป็นได้ คุณพ่ออาจดูแลความสะอาดเพิ่มเติมด้วยการเช็ดเหงื่อก่อนเล่นกับลูกน้อย หรือถ้าให้ดีอาบน้ำก่อนเลยก็จะทำให้ลูกเล่นกับคุณพ่อค่ะ

เล่นสิ่งที่ลูกอยากเล่น

อาจจะลองสังเกตดูว่าลูกชอบเล่นอะไร หรือถามคุณแม่ดู ถ้าได้เล่นสิ่งที่ลูกอยากเล่นแล้ว ลูกจะเข้าหาคุณพ่อมากขึ้นเองค่ะ

ปรึกษาหมอ

จนแล้วจนรอดถ้าใช้ทุกวิธีแล้วยังไม่ได้ผล ลูกยังนิ่งเฉย ไม่สนใจตั้งคุณพ่อและคุณแม่เลยควรปรึกษาคุณหมอค่ะ เผื่อว่าจะได้คำแนะนำเพิ่มเติมหรือมีอะไรผิดไป จะได้แก้ไขได้ทันท่วงทีค่ะ

การเล่นกันระหว่างคุณพ่อและลูกนั้นถือเป็นการสานสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี ยังไงมาเล่นกับลูกกันนะคะ

Writer Profile : giftoun


  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



กิจกรรมของครอบครัว กิจกรรมของครอบครัว
26 มีนาคม 2561
ข้อดีของการเลี้ยงลูกแบบติดดิน
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
5 พิพิธภัณฑ์ของเล่น ที่เหมาะพาลูกไปเที่ยว
กิจกรรมของครอบครัว
กิจกรรมช่วงปิดเทอมสำหรับเด็ก
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
กิจกรรมของครอบครัว กิจกรรมของครอบครัว
6 กันยายน 2560
รวมข้อคิดจากละคร เมีย 2018
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save