fbpx

ลูกนอนละเมอบ่อยๆ ผิดปกติหรือไม่ ?

Writer : Jicko
: 22 กรกฏาคม 2562

การพักผ่อนที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก คือการนอนหลับที่สนิท ซึ่งในบางครั้งการนอนของลูกก็ไม่ได้เรียบง่ายเสมอไป บางคืนก็ลุกขึ้นมาหัวเราะบ้าง ร้องไห้บ้าง เช่นนี้เรียกว่า “การนอนละเมอ”

ซึ่งการนอนละเมอนั้นไม่ได้มีอันตรายมากนักหรือผิดปกติสำหรับเด็กๆ แต่อย่างใด แต่มันอาจจะส่งผลเสียกับตัวของเด็กได้นั้นเองค่ะ เรามาดูกันเลยว่าจะต้องจัดการกับอาการละเมอของลูกยังไงบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

อาการละเมอที่พบบ่อยๆ

  • ละเมอร้อง : การละเมอร้อง เช่น ร้องไห้ หัวเราะ หรือหวีดร้อง ละเมอแบบนี้จะใช้เวลาไม่กี่นาทีก็จะหยุดละเมอไปเองค่ะ
  • ละเมอพูด : การละเมอพูด เช่น การทำเสียงพึมพำ พูดเป็นเรื่องเป็นราวบ้าง หรือบางครั้งก็พูดไม่รู้เรื่องบ้าง สักพักก็จะหยุดละเมอไปเช่นเดียวกันค่ะ
  • ละเมอเดิน : อาการนี้มักจะเกิดขึ้นกับเด็กที่โตแล้ว บางครั้งเด็กอาจจะเดินรอบห้องนอน หรือเดินไปนอกห้องนอน หรือนอกบ้านโดยไม่รู้ตัว ซึ่งบอกเลยว่าน่ากลัวมาก เพราะมันจะสามารถเกิดอันตรายกับตัวลูกได้นั้นเองค่ะ

สาเหตุที่ลูกนอนละเมอ

การที่ลูกละเมอก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่อาจทำให้พ่อแม่กังวลได้เหมือนกัน แต่สาเหตุของการที่ละเมอนั้น เราไม่สามารถชี้ได้ชัดเจนว่ามันเกิดจากอะไร  แต่ส่วนหนึ่งเกิดจากสิ่งเร้าภายนอก และภายในร่างกายของเด็กๆ นั้นเอง ที่ได้รับการกระตุ้นมากไปในช่วงเวลากลางวันค่ะ ในบางครั้งก็อาจจะเกิดจากการที่ก่อนนอนลูกได้ทำกิจกรรมตื่นเต้นจนเกินไป หรือการที่เก็บเอาภาพน่ากลัวๆ ไปคิดก่อนนอน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขานอนละเมอได้เช่นกันค่ะ

พ่อแม่ควรทำอย่างไร ?

  • ไม่ควรตกใจ : หากลูกนอนละเมอ ที่อยู่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และไม่มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ก็ถือว่าไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใดนะคะ พ่อแม่ต้องตั้งสติและพยายามปลุกลูกให้ตื่น แล้วเข้าไปปลอบ หรือกอดลูก เพื่อให้เขาคลายความกังวลและรู้สึกปลอดภัยนั้นเองค่ะ

  • อย่ากระตุ้นลูกมากจนเกินไปในเวลากลางวัน : คุณพ่อคุณแม่ต้องงดการเล่นที่หวาดเสียว หรือตื่นเต้น รุนแรง เพราะการถูกกระตุ้นแบบนี้อาจจะทำให้ลูก มีอาการตกใจและนอนละเมอในตอนกลางคืนได้ค่ะ

  • นวดตามตัวหรือร่างกายของลูก : เมื่อมีเวลาว่าง คุณพ่อคุณแม่อาจจะหาเวลานวดตามตัว และส่วนต่างๆ ของร่างกายลูกเพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อและร่างกายของลูก ซึ่งจะทำให้ลดอาการตึงเครียดของลูกได้บ้างค่ะ

  • หากิจกรรมเบาๆ ที่เหมาะสมกับช่วงวัย : เช่น การเล่านิทานที่มีเนื้อหาสบายๆ ไม่ซับซ้อน ฟังเพลงเบาๆ ผ่อนคลาย ในบรรยากาศที่สบายๆ เป็นต้น

  • จัดบรรยากาศห้องนอนที่ดี : ห้องนอนของลูกต้องมีบรรยากาศที่เป็นห้องนอน เงียบ สงบ และแสงของไฟที่ไม่จ้าจนเกินไป เหล่านี้จะช่วยให้ลูกหลับสบาย และหลับสนิท การนอนละเมอจะลดลงได้นะคะ

  • ลดการนอนตอนกลางวันลง : เพื่อให้ลูกรู้สึกอ่อนเพลีย และนอนกลางคืนได้อย่างยาวนานขึ้น เพราะเด็กที่นอนตอนกลางวันมาก มักจะสับสนในตอนกลางคืนและไม่ยอมนอน ลุกขึ้นมาเล่นได้นั้นเองค่ะ

  • เฝ้าสังเกตอาการเมื่อลูกนอน : ให้สังเกตดีๆ เลยว่าลูกนั้นมีอาการนอนละเมอติดต่อกันยาวนานเท่าไหร่ แล้วมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยหรือไม่ เช่น อาการชักกระตุก แต่หากมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วย พ่อแม่ควรพาลูกไปพบแพทย์นะคะ เพราะหากปล่อยไว้อาจส่งผลอันตรายกับลูกน้อยได้ค่ะ

 

อาการนอนละเมอของลูก หรือเด็กทารกเล็กๆ นั้นไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรงหรืออันตราย หากเกิดขึ้นไม่บ่อยมาก และเป็นปกติ แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องสังเกตการนอนของลูกไม่ควรมองข้ามเลยนะคะ หากเกิดสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นทางที่ดี ควรปรึกษาคุณหมอ ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันและหาทางแก้ไขกันต่อไปนั้นเองค่ะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : maerakluke , motherandchild

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



เตรียมตัวเป็นแม่ เตรียมตัวเป็นแม่
26 พฤศจิกายน 2561
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save