fbpx

แนวคิดญี่ปุ่น "เลี้ยงลูกแบบการปลูกต้นไม้"

Writer : OttChan
: 14 พฤษภาคม 2562

หากให้พูดถึงประเทศที่พัฒนาแล้วก็คงจะไม่มีใครไม่รู้จักประเทศแห่งแดนอุทัยทิพย์หรือประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่ได้ขึ้นชื่อว่าดูแลบุตรหลานและพัฒนาบุคคลให้รู้จักรับผิดชอบหน้าที่ของคนดีเป็นอันดับต้นๆของแถบเอเชียซึ่งหัวใจหลักที่น่าสนใจในการอบรมสั่งสอนนี้คือแนวคิด ” เลี้ยงลูกแบบการปลูกต้นไม้ ” ซึ่งแนวคิดนี้จะมีอะไรบ้างเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้เด็กญี่ปุ่นสามารถเติบโตมาได้อย่างมีคุณภาพและดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี

ทางParents one จะมาบอกต่อถึงแนวคิดนี้เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อการรนำกลับไปเป็นแนวทางในการเลี้ยงดูบุตรที่บ้านค่ะ

1.เมล็ดต้องมีฐานดินที่ “มั่นคง”

การมีลูกของคนญี่ปุ่นนั้นมักจะต้องปูพื้นฐานให้แน่นเสมอเหมือนการเตรียมดินหรือกระถางเพื่อรองรับกับต้นอ่อนหรือยอดเมล็ดพันธุ์มาลงปลูกเพราะหากจะให้ต้นไม้เติบโตมาอย่างงดงามแล้ว รากฐานที่จะใช้รองรับนั้นย่อมต้องแข็งแกร่งแล้วมั่นใจได้ว่าเมื่อสิ่งมีชีวิตนี้ได้ฝากฝังชีวิตลงมาแล้วในผืนดินอันร่วมซุย เขาจะเติบโตขึ้นมาได้อย่างสบายไร้ปัญหาโดยมีกระถางหรือชั้นดินที่เปรียบเสมือนพ่อแม่ค้ำชูไว้

2. ดูแลเมล็ดน้อยอย่าง “ใจเย็น”

เป็นปกติของการรอคอยอะไรสักอย่างที่มักต้องการพบเห็นผลที่เติบโตทันใจแต่กับการปลูกต้นไม้นั้นต้องใช้เวลาในการปล่อยให้เขาเติบโต แม้จะยังไม่เห็นยอดที่โผล่พ้นดินหรือไม่สามารถรับรู้ได้ว่าหน้าตาของต้นยอดที่จะขึ้นมาชูหาแสงนั้นเป็นเช่นไร เราก็จะยังคอยรดน้ำและพาออกไปรับแสงแดดอยู่เป็นประจำเพื่อส่งเสริมให้เมล็ดเติบโตเป็นต้นอ่อนที่สมบูรณ์ที่สุดซึ่งก็ไม่ต่างอะไรเลยกับการตั้งครรภ์ของคุณแม่ที่ต้องรอคอยและใช้ความอดทนมากๆในการหล่อเลี้ยงอีกหนึ่งชีวิตให้เกิดมาครบ 32 อย่างไร้กังวล

3. ยอดอ่อนต้องการ “การเอาใจใส่”

ช่วงเติบโตของต้นอ่อนนั้นค่อนข้างเปราะบางแล้วเป็นไปได้ที่จะล้มหรือเน่าเสียไปก่อนได้กลายเป็นต้นไม้ต้นใหญ่ ดังนั้นในช่วงที่ยังเป็นต้นอ่อนอยู่จึงต้องมักได้รับการเอาใส่ใจที่สม่ำเสมอและให้ความสำคัญกับทุกความเปลี่ยนแปลงเช่นการสังเกตว่าชอบน้ำชุ่มหรือละอองน้ำมากกว่ากัน, เติบโตง่ายในที่ร่มหรือชอบยื่นยอดเข้าหาแสงหรือแม้แต่ขนาดกระถางที่ขับหรืออึดอัดไปต้องทำการเปลี่ยนหรือเปล่า

ทุกสิ่งนั้นต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมดั่งเช่นคุณแม่และคุณพ่อคอยเฝ้าเอาใจใส่กับเจ้าตัวน้อยที่พึ่งลืมตาดูโลกว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร, ถนัดไม่ถนัดสิ่งไหนแล้วมอบแต่สิ่งดีๆที่ลูกต้องการให้เสมอดั่งการรดน้ำ,พรวนดินที่ต้องไม่ขาดตกบกพร่องในช่วงระยะเจริญเติบโตเริ่มแรก

4. ยอดใบชูขึ้นฟ้าต้อง “ไม่ควบคุม” จนเกินไป

ต้นไม้คือสิ่งมีชีวิตที่เราไม่สามารถควบคุมการเจริญเติบโตของเขาได้ว่าจะแตกสิ่งก้านสาขาไปในทิศทางไหน ไม่สามาถตีกรอบให้เขาแล้วเขาเป็นไปตามได้ดั่งใจทุกกิ่งก้าน การค้ำจุนจึงทำได้เพียงสร้างไม้ค้ำยันไว้ไม่ให้ต้นล้มหรือเอียงไปเกินกว่าที่ควร เมื่อเปรียบเทียบแล้วจึงทำให้เราได้เห็นภาพอย่างชัดเจนกับการที่พ่อแม่เฝ้ามองลูกเติบโต เขาจะต้องไม่ถูกบังคับหรือบีบคั้นจนเกินไป คนเป็นพ่อแม่จะทำเพียงกรอบขนาดใหญ่ที่ล้อมไว้เพื่อปกป้องลูกแทนที่จะสั่งให้หันซ้ายหันขวาอย่างทันทีโดยไม่ให้อิสระทางความคิดกับลูกเพราะแบบนี้จึงทำเหล่าเด็กๆมีการเติบโตอย่างอิสระและคิดอ่านเองได้อย่างเต็มที่

5. เมื่อเติบใหญ่จนแผ่ร่มเงาไปไกล ต้นไม้ต้อง “ยืนหยัด” ด้วยรากของตน

ไม่มีต้นไม้ต้นใดเติบโตแล้วย้อนกลับไปเป็นเมล็ดใหม่มีแต่จะสรรค์สร้างเมล็ดให้ก่อเกิดต้นไม้ต้นใหม่ขึ้นมาอีกนับสิบต้นในอนาคต ต้นไม้ไม่หวนกลับไปเป็นเมล็ดเช่นใด ลูกในอ้อมอกก็ไม่กลับมาเป็นเด็กน้อยในอ้อมกอดแล้วเช่นกัน คนเป็นพ่อแม่จะพึงระลึกเสมอว่าสักวันลูกของเขาจะต้องเติบโตไปสร้างอนาคตใหม่และมีชีวิตเป็นของตนเองทำให้สิ่งที่พ่อแม่ให้ความสำคัญคือการดูแลรากฐานชีวิตของลูกให้เป็นอย่างดีเพราะเมื่อเติบใหญ่ไปแล้วก็ให้ใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่ต้องพึ่งพาใคร

อยู่รอดได้ด้วยตน ยืนได้ด้วยขาทั้งสองข้าง เข้มแข็งให้ได้ดั่งต้นไม้ที่มีรากอันแข็งแกร่งซึ่งพ่อแม่เป็นคนช่วยรดน้ำ, พรวนดินจนสามารถแตกสาขาหยั่งลึกในชั้นดินและเมื่อถึงตอนนั้นต้นไม้ต้นใหญ่ก็ต้องสูงขึ้นใหญ่ขึ้นด้วยตัวเอง

เป็นอย่างไรบ้างคะแนวคิดการเลี้ยงดูลูกเหมือนการปลูกต้นไม้ของชาวญี่ปุ่น หวังว่าการนำข้อมูลในส่วนนี้มานำเสนอจะทำให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่กำลังต้องการปูหนทางชีวิตให้ลูกน้อยที่ลงหว่านเมล็ดหรือกำลังรดน้ำให้เจ้ายอดอ่อนชูช่อน่าจะได้รับประโยชน์ไปไม่มากก็น้อยนะคะกับบทความนี้

ที่มา : readthecloud marumura 

Writer Profile : OttChan

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ไม่เป็นไร
26 สิงหาคม 2563
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save