fbpx

NEWS: ระวัง 5 โรคหน้าฝน กรมอนามัยแนะคุมเข้มดูแลสุขภาพเด็กเล็กและวัยเรียน

Writer : Lalimay
: 17 กรกฏาคม 2561

เด็กเล็กๆ ร่างกายยังไม่แข็งแรงจึงทำให้ป่วยง่ายโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนแบบนี้ ซึ่งฤดูฝนเป็นช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคมากที่สุด พ่อแม่จึงควรใส่ใจในสุขภาพของลูกมากเป็นพิเศษค่ะ

แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนพ่อแม่ ผู้ปกครองต้องใส่ใจดูแลสุขภาพเด็กเล็กและเด็กวัยเรียนเป็นพิเศษ เพราะเสี่ยงป่วยง่ายจากโรคติดต่อ ระหว่างเด็กที่หลักๆ ก็จะมีอยู่ 5 โรคได้แก่

1.โรคมือ เท้า ปาก : มีอาการจุดตุ่มแดงอักเสบที่ลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม นอกจากนี้ยังมีตุ่ม หรือผื่นนูนสีแดงเล็กๆ ที่ฝ่าเท้า และมีไข้ วิธีการป้องกันคือ ล้างมือให้สะอาดหลังการขับถ่าย และดูแลความสะอาดของใช้ต่างๆ อยู่เสมอ

2.โรคไข้หวัดและโรคไข้หวัดใหญ่ : โดยอาการจะมีไข้สูงเฉียบพลัน หนาวสั่น ปวดศรีษะ ไอ จาม หรือ มีน้ำมูกไหล วิธีป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อ คือ ล้างมือด้วยเจลล้างมือทุกครั้งเวลาดูแลลูก สอนให้ลูกเช็ดน้ำมูก และปิดปากปิดจมูกเวลาไอ หรือจาม

3.โรคตาแดง : เป็นโรคที่เกิดการแพร่ระบาดในศูนย์เลี้ยงเด็กเล็กหรือโรงเรียนได้ง่าย เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส โดยสามารถติดต่อได้ทางการสัมผัสขี้ตา น้ำตา หากพบว่ามีอาการดังกล่าว ควรใช้ยาหยอดตาเพื่อลดอาการระคายเคือง และหมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ

4.โรคอาหารเป็นพิษ : เป็นโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ หากพบว่ามีอาการท้องเสีย ปวดท้องและมีไข้สูง ปวดศีรษะ ควรรีบพบแพทย์ทันที เพื่อเป็นการป้องกันจึงควรใส่ใจถึงความสะอาดของอาหารเป็นอย่างมาก ควรปรุงสุกและไม่เก็บอาหารที่เสียง่ายค้างคืนไว้

5.โรคไข้เลือดออก : มีอาการไข้สูง ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ถ้ามีอาการอาเจียนหรือถ่ายเป็นเลือด แสดงว่าเข้าสู่ภาวะอันตราย เด็กอาจจะมีภาวะช็อค ควรรีบเข้ารับการรักษาโดยด่วน ส่วนวิธีการป้องกันคือ ระวังอย่าให้ยุงกัด ทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย

การดูแลเด็กเล็กและเด็กวัยเรียนไม่ให้ป่วยง่ายพ่อแม่ต้องสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้แก่ลูก โดยให้กินอาหารครบ 5 หมู่ ต้องปรุงสุก และให้กินผักหรือผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามิน ดื่มน้ำอุ่นให้มากๆ ใช้ผ้าปิดปากปิดจมูก ล้างมือเป็นประจำ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอถึงจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะป่วยลงได้

อ้างอิงจาก

กรมอนามัย

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save