fbpx

ทำอย่างไรให้ชีวิตคู่ไม่จืดชืด หลังมีโซ่ทองคล้องใจ

Writer : OttChan
: 8 พฤษภาคม 2562

เมื่อชีวิตคู่กลายเป็นชีวิตครอบครัว พ่อแม่และลูก อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปไม่ว่าจะเป็นการวางแผนใช้จ่ายภายในบ้าน, การใช้เวลาร่วมกันหรือแม้แต่การแบ่งหน้าที่ในการทำงานในแต่ละวันจึงทำให้ชีวิตที่มีกันเพียงสามีและภรรยาลดน้อยลงไปตามภาระหน้าที่ ที่ต้องการจะเลี้ยงดูลูกน้อยให้ดีที่สุด

แต่ทว่าหากความหวานชื่นของคู่รักต้องถดถอยลงไปเพราะไม่มีเวลาให้กันก็คงจะทำให้ความสัมพันธ์จืดชืดลงได้

วันนี้ทาง Parents one จึงมีวีธีรักษาความสัมพันธ์ของคุณพ่อคุณแม่มาแนะนำให้ค่ะเพราะนอกจากจะช่วยให้ความรักของพ่อแม่ยืนยาวแล้วยังช่วยส่งเสริมให้ลูกน้อยได้เติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ดีอีกด้วยเราไปดูกันเลยค่ะว่ามีอะไรบ้าง

1.ยืดหยุ่นให้กันและกัน

แน่นอนว่าความสัมพันธ์ที่แย่ลงของคนเราสาเหตุมักมาจากการที่ตึงหรือหย่อนจนเกินไป ทำให้ไม่เกิดความพอดีซึ่งกันและกัน ฉะนั้นการยืดหยุ่นให้กันทั้งด้านอารมณ์, ความรู้สึกจึงนับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก มองข้ามความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ , ปล่อยวางกับเรื่องที่ขัดใจ, ไม่ใช้อารมณ์เป็นใหญ่, ให้อภัยเมื่ออีกฝ่ายกล่าวคำขอโทษ เพียงเท่านี้เวลาที่ต้องพูดคุยกัน อะไรๆ ก็จะราบรื่นและเข้าใจกันได้ง่ายขึ้น

 

2. ทำทุกๆ วันให้เป็นวันพิเศษ

ความพิเศษและเรื่องสนุกควรมีให้กันได้ทุกวัน เพื่อไม่ให้ชีวิตครอบครัวต้องน่าเบื่อซึ่งความพิเศษนั้นไม่จำเป็นจะต้องมอบของขวัญราคาแพงหรือทำอะไรที่หรูหรามากมายนัก เพียงอาหารแสนอร่อยที่เวียนเปลี่ยนเมนูให้ได้ทาน, ร้องเพลงโปรดด้วยกัน, พูดคุยกันด้วยคำเพราะๆ หรือคำชม, มอบรอยยิ้มให้กันเสมอ หากสามารถทำได้ทุกวันแล้วล่ะก็ความรักเราก็ไม่เก่าเลย

3. แบ่งเวลาให้เหมาะสม

พ่อแม่ต้องทุกคนย่อมต้องมีเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันถึงเวลาที่จะได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองแต่เมื่อมีเจ้าตัวน้อยแล้ว เรามักจะทุ่มเทและให้ความสนใจกับเขาโดยมักจะลืมมอบเวลาพักผ่อนให้ตน ข้อนี้จึงสำคัญไม่แพ้ใคร จัดสรรเวลาให้ลงตัวทั้งการเลี้ยงลูก, ทำงานและใส่ใจคนอยู่ข้างกาย เมื่อทำสำเร็จ เราก็จะไม่รู้สึกเหนื่อยเกินไปกับการใช้ชีวิตร่วมกัน

4. คำชมคือกำลังใจ

ไม่ว่าใครก็มักต้องการคำชม, คำปลอบจากคนรักหรือแม้แต่ดอกไม้ซักดอกที่มอบให้เหมือนช่วงที่จีบกันใหม่ๆ ทุกสิ่งล้วนช่วยให้ความรู้สึกรักยังเต็มอิ่มแล้วพองฟูไปทั้งหัวใจ คุณพ่ออาจชมคุณแม่ที่ดูแลบ้านได้สะอาดสะอ้านหรือคุณแม่ที่ชื่นชมความขยันขันแข็งของคุณพ่อในการทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ให้เกียรติแล้วขอบคุณในสิ่งที่ทำให้กัน รับรองได้ว่าเหนื่อยแค่ไหนก็มีกำลังใจสู้ต่อไปเสมอ

5.ความโรแมนติกคืออาวุธ

เมื่อเป็นพ่อคนแม่คนแล้วเราจะลืมซึ่งความหวานใหม่ๆ ช่วงคบหาหรือแต่งงาน ซึ่งในความจริงแล้วเราควรจะมอบความโรแมนติกให้กันได้วันละนิดละหน่อยเพื่อเติมความหวานนี้ให้คงอยู่ต่อไป เช่น การบอกรักในเป็นกิจวัตร, หอมแก้มก่อนจะออกไปทำงาน, กอดกันทุกครั้งที่มีโอกาส

หากเราใส่ใจและให้ความสำคัญกันและกันให้มากพอ รับรองได้เลยว่าโซ่ทองคล้องใจของเราเองก็จะมีความสุขไปด้วยกับความอบอุ่นที่เกิดขึ้นภายในบ้าน ให้เขาได้เติบโตขึ้นมาด้วยความรักที่พ่อและแม่ช่วยกันถักทอจนร้อยเรียงจนเป็นเส้นทางต่อไปในอนาคตนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก Guru.Sanook Sanook

 

Writer Profile : OttChan

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



กิจกรรมของครอบครัว กิจกรรมของครอบครัว
11 กุมภาพันธ์ 2564
ชีวิตครอบครัว ชีวิตครอบครัว
11 สิงหาคม 2560
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save