fbpx

NEWS: แค่เข้าเรียนสายขึ้น ก็ช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมการเรียนของเด็กวัยรุ่นให้ดีขึ้นได้

Writer : Lalimay
: 25 มิถุนายน 2562

เขตการศึกษาเชอร์รีครีก (Cherry Creek School District)ในรัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐฯ ได้มีการทดลองระยะยาวข้ามปีกับนักเรียนในระดับชั้นมัธมศึกษาตอนต้นและตอนปลายกว่า 15,000 คน เกี่ยวกับเวลาในการเข้าเรียน พบว่าการเลื่อนเวลาเข้าเรียนให้สายขึ้นส่งผลดีต่อสุขภาพและพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กๆ

การทดลองนี้เริ่มต้นในปลายปี 2017 โดยให้นักเรียนม.ต้นเลื่อนเวลาเข้าเรียนจาก 8.00 น. มาเป็น 8.50 น. ส่วนนักเรียนม.ปลายเลื่อนเวลาเข้าเรียนจาก 7.10 น. มาเป็น 8.20 น. ซึ่งนักเรียนจะต้องตอบแบบสอบถามประเมินตนเอง ทั้งในช่วงก่อนและหลังเข้ารับการทดลองเป็นเวลาหนึ่งปี

แบบสอบถามก็จะเป็นคำถามเกี่ยวกับช่วงเวลาที่หลับและตื่น จำนวนชั่วโมงการนอน ระดับของความรู้สึกตื่นตัวกระปรี้กระเปร่าระหว่างวัน การมีส่วนร่วมกับกิจกรรมในชั้นเรียน และพฤติกรรมการทำงานรวมทั้งการทำการบ้านที่ได้รับมอบหมาย

หลังจากการทดลองสิ้นสุดในปี 2018 พบว่านักเรียนทั้งม.ต้นและม.ปลายนอนหลับได้เต็มอิ่มมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้เด็กๆ ยังรู้สึกพร้อมที่จะทำการบ้านในช่วงค่ำมากขึ้นเพราะไม่ค่อยรู้สึกง่วงหรือเหนื่อยล้า อีกทั้งปัญหาการงีบหลับในชั้นเรียนลดน้อยถอยลงไปด้วย

ดร. ลิซา เมลต์เซอร์ ผู้นำทีมวิจัยซึ่งตีพิมพ์ผลการทดลองข้างต้นในวารสาร Sleep กล่าวว่า นักเรียนในวัยนี้ไม่สามารถจะเข้านอนแต่หัวค่ำ หรือเข้านอนได้เร็วพอที่จะตื่นแต่เช้าไปโรงเรียนโดยไม่รู้สึกมึนงงเหนื่อยล้าได้ เพราะวงจรนาฬืกาของร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง

ดังนั้นการเลื่อนเวลาเข้าเรียนให้สายขึ้นกว่าเดิม จะเป็นผลดีต่อคุณภาพชีวิตของวัยรุ่นอย่างมาก เพราะการนอนสำคัญต่อพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ และการเรียนรู้ของคนหนุ่มสาว

อ้างอิงจาก

bbc.com

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save