fbpx

เลือกสีชุดว่ายน้ำยังไง ให้ปลอดภัยกับตัวลูก

: 10 พฤษภาคม 2565

สมัยนี้ชุดว่ายน้ำเด็กมีสีและลวดลายน่ารักๆ ให้คุณแม่เลือกช้อปกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชุดว่ายน้ำระบายสีขาวสดใสรับซัมเมอร์ หรือชุดว่ายน้ำสีตามเจ้าหญิง หรือตัวละครที่หนูน้อยชอบ แต่รู้ไหมคะ ว่าสีของชุดว่ายน้ำนั้นส่งผลต่อความปลอดภัยของลูกเวลาเล่นน้ำด้วย และเป็นส่วนหนึ่งที่มักถูกมองข้ามอยู่บ่อยๆ

สีของชุดว่ายน้ำนั้นมีผลต่อการมองเห็นจากผิวน้ำกว่าที่เห็น Alive Solutions บริษัทความปลอดภัยทางน้ำจากสหรัฐอเมริกา ได้ทำการทดลองสีของชุดว่ายน้ำที่สามารถมองเห็นได้จากใต้น้ำลึก 18 นิ้ว ทั้งตอนผิวน้ำเรียบและผิวน้ำเป็นริ้ว ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้น มีเพียงชุดว่ายน้ำไม่กี่สีที่สามารถมองเห็นได้จากผิวน้ำ บ้างก็เหมือนเศษใบไม้หรือขยะมากกว่าเด็กที่อยู่ใต้น้ำ หรือหายไปในน้ำเลยก็มีค่ะ

 

Parents One เลยอยากนำสีชุดว่ายน้ำดังกล่าวมาแนะนำและเตือนให้หลีกเลี่ยงดังนี้ค่ะ:

สีชุดว่ายน้ำที่ควรใส่ในสระน้ำ: สีชมพูเรืองแสงและส้มเรืองแสง เพราะสามารถเห็นได้ชัดเจนทั้งใต้ผิวน้ำเรียบและผิวน้ำเป็นริ้วชัดเจน ตัดกับสีพื้นของสระ ไม่ถูกเข้าใจผิดเป็นเศษใบไม้ ขยะ หรือเงาในสระเหมือนชุดว่ายน้ำสีเข้มค่ะ

สีชุดว่ายน้ำที่ไม่ควรใส่ในสระน้ำ: สีฟ้า สีขาว สีเขียว และสีน้ำเงิน สีที่ใกล้เคียงกับสีพื้นสระอย่างสีฟ้า สีที่สะท้อนสีพื้นสระได้อย่างสีขาว หรือสีโทนเย็นนั้นสามารถหายหรือจางจนมองแทบไม่เห็นจากผิวน้ำได้เลยเมื่อจมอยู่ในความลึกระดับหนึ่ง อาจการทำให้การช่วยเหลือไม่ทันท่วงทีหากเจ้าหนูจมน้ำค่ะ

สีชุดว่ายน้ำที่ควรใส่ในแหล่งน้ำธรรมชาติ: ในแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างทะเล ทะเลสาบ แม่น้ำ บ่อน้ำ ที่สีของแหล่งน้ำโดยรวมมีความเข้มและเจือไปทางเทามากกว่าน้ำในสระ สีที่ชัดเจนที่สุดเมื่ออยู่ใต้น้ำจะเป็นสีเหลืองเรืองแสง เขียวเรืองแสง และส้มเรืองแสงค่ะ

สีชุดว่ายน้ำที่ไม่ควรใส่ในแหล่งน้ำธรรมชาติ: จะเป็นสีอื่นนอกเหนือจากนั้น ถึงแหล่งน้ำที่มีสีเข้มจะทำให้สีขาวเห็นได้ชัด แต่อาจทำให้ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเงาสะท้อนจากก้อนเมฆได้ และอาจทำให้หาตัวยากเมื่ออยู่ท่ามกลางคนจำนวนมากค่ะ

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ถึงสีสันเหล่านี้อาจจะไม่ใช่สีที่น่ารัก หรือสีชุดว่ายน้ำยอดนิยมเท่าไรนัก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อให้ลูกเล่นน้ำคือความปลอดภัยของเขาค่ะ และถึงแม้ว่าสีสันสดใสจะช่วยทำให้ตามหาเขาได้ง่าย คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองและผู้ใหญ่ควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดเมื่อพาเขาไปเล่นน้ำนะคะ

Writer Profile : phanthirapuyou

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save