fbpx

คุยกับลูกอย่างไร เมื่อคุณแม่ต้องห่างไกลหลายวัน รวมเคล็ดลับเด็ดๆ จากคุณแม่ 5 เพจดัง

Writer : blahblahboong
: 15 ธันวาคม 2561

ถ้าเป็นไปได้ ก็ไม่มีแม่คนไหนอยากห่างลูกไปไกลหลายๆ วันหรอกใช่ไหมคะ แต่หากถ้ามีเรื่องที่จำเป็นจะต้องห่างกันจริงๆ ล่ะ เราควรจะสอนลูกยังไง วันนี้ Parents One มีโอกาสได้มาเจอคุณแม่ จาก 5 เพจชื่อดัง ที่แม่แต่ละท่านเนี่ยต้องห่างลูกมาไกลถึงประเทศนิวซีแลนด์ เป็นเวลา 4 วัน เรามาขอเคล็ดลับในการคุยและเตรียมตัวลูกอย่างไร ให้เค้าเข้าใจและไม่งอแงกันค่ะ

แม่แพร สารพันปัญหาการเลี้ยงลูก

“เล่าความจริงให้เค้าฟัง คุยกับลูกว่าแม่จะไปไหน ไปกี่วัน แล้วก็สอนเค้านับเลขไปด้วยด้วย มา 4 วัน ชู 4 นิ้ว ทุกครั้งที่เค้าตื่นให้หักนิ้วไปทีละหนึ่งๆ เค้าก็จะรู้แล้วว่าอีกกี่วันแม่จะกลับมา”

มีวิธีการในการเล่า คือเล่าความจริงให้เค้าฟัง คุยกับลูกว่าแม่จะไปไหน ไปกี่วัน แล้วก็สอนเค้านับเลขไปด้วยด้วย มา 4 วัน ชู 4 นิ้ว ทุกครั้งที่เค้าตื่นให้หักนิ้วไปทีละหนึ่งๆ เค้าก็จะรู้แล้วว่าอีกกี่วันแม่จะกลับมาเค้าจะรู้จักการบริหารความคาดหวัง ให้เค้ารู้ว่าในอนาคตจะเจออะไร แบบ 4 วันเราก็กลับแล้ว ยังไงก็ไม่ผิดสัญญาอยุ่แล้วแล้วก็จะเอาทริปให้เค้าดู เอาข้อมูลของที่ที่จะไปให้ลูกดูด้วย ว่าแม่จะไปเจออะไร เค้าก็จะมีความสนใจในที่นั้นๆ แล้วพอมาก็วีดีโอคอลกลับไปว่าแม่มาเจออันนี้ๆ แล้วนะ ลูกก็จะไม่ค่อยงอแง แล้วก็ตื่นเต้นไปกับเราด้วย

แม่อาย Rocky Journey

“พูดความจริงกับเค้าไปเลย อธิบายให้เค้าฟัง ใช้เหตุผลในการสอน”

พูดความจริงกับเค้าไปเลย บอกเค้าก่อน อธิบายให้เค้าฟัง ใช้เหตุผลในการสอน เค้าก็จะเข้าใจ แล้วก็เขียนในปฎิทิน ให้เค้าดูช่องว่าแม่ไปเท่านี้นะ แล้วเดี๋ยวเจอกัน

แม่อุ้ม My name is Napat

“ให้คนที่บ้านช่วยกันดูแลน้อง เน้นเรื่องเวลากินข้าว อาบน้ำ แปรงฟัน เข้านอน ย้ำให้ตรงต่อเวลา”

“หนีมาค่ะ” เพราะลูกยังเล็กขวบ 7 เดือนเนอะ มีการฝากลูกไว้กับน้องสาวให้มาอยู่ด้วยกับ รวมถึงคุณพ่อด้วยที่ต้องดูแลน้องอย่างเต็มที่ แล้วเราโชคดีที่ได้พี่เลี้ยงตรงต่อเวลา เลยไม่ต้องห่วงเรื่องการกินข้าว อาบน้ำ แปรงฟัน เข้านอน เค้าก็มาดูแลให้หมด แล้วที่บ้านก็อยู่กันเยอะ เลยช่วยๆ กันดูแลน้อง

แม่หวาน เด็กกินง่าย

“บอกเค้าล่วงหน้าก่อน ประมาณอาทิตย์นึง แล้วบอกเค้าให้รู้ว่า ในแต่ละวันเค้าจะมีหน้าที่อะไรที่ต้องทำบ้าง”

จะพยายามบอกเค้าล่วงหน้าก่อน ประมาณอาทิตย์นึง ว่าแม่จะไปไหน หนูต้องอยู่กับใคร หนูต้องทำอะไรบ้าง พยายามสอนเค้าด้วยเหตุผล แล้วบอกเค้าให้รู้ว่าในแต่ละวันเค้าจะมีหน้าที่อะไรที่ต้องทำ ที่ต้องรับผิดชอบ เช่น แม่ไม่อยู่เนี่ย หนูต้องดูแลน้องนะ ดูแลคุณยายด้วย ให้เค้ารู้ว่าในแต่ละวันที่แม่ไม่อยู่เค้ามีอะไรต้องทำบ้าง

แม่น้อย เล่นกับลูก

“บอกเค้าว่าถึงเราจะมานี่เค้าก็ไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีใครบ้างที่คอยดูแล ไม่ใช่ว่าแม่มานี่แล้วเค้าจะถูกทิ้งไม่มีใครดูแลเลย”

บอกล่วงหน้าว่าเราจะมาที่ไหน มาทำอะไรอะไร มากี่วัน บอกเค้าว่าถึงเราจะมานี่เค้าก็ไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีใครบ้างที่คอยดูแล ไม่ใช่ว่าแม่มานี่แล้วเค้าจะถูกทิ้งไม่มีใครดูแลเลย พอเค้ารู้ว่าต้องอยู่กับใคร ก็จะรู้สึกอุ่นใจที่จะอยู่แล้วก็จะไม่มีปัญหา มีการบอกล่วงหน้าประมาณ 1 อาทิตย์ด้วย บอกประมาณว่าแม่จะไปวันเนี่ย แล้วจะกลับวันเนี่ย เพราะตอนนี้เค้า 5 ขวบแล้วก็พอจะรู้เรื่องวันเวลาแล้วด้วย

Writer Profile : blahblahboong

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



15 คำถาม เพื่อให้เราเข้าถึงใจลูกมากขึ้น
กิจกรรมของครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save