fbpx

สอนเรื่อง ถุงยาง&ยาคุม อย่างไร ให้ไม่เขินลูก

Writer : OttChan
: 30 มิถุนายน 2564

เพราะโลกในตอนนี้หมุนเวียนไปเร็วมาก แม้แต่เด็กที่วัยไม่ถึง 10 ขวบเองก็อาจจะมีคำถามที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกต๊กกะใจกันบ้างไม่มากก็น้อยว่าทำไมถึงถามขึ้นมา และแน่นอนว่าคำถามที่ทุกบ้านมักประสบพบเจอโดยไม่ทันตั้งตัวคือการที่เด็กๆ ถามว่า

” เจ้ากล่องหน้าตาสี่เหลี่ยมนี่อะไรเหรอครับ/ คะ? ”

” คุณแม่เจ็บแขนเหรอครับ/คะ เอาแผ่นอะไรมาแปะแขน ”

” ทำไมหนูเห็นผู้ใหญ่ในทีวีสองคนที่น่าจะเป็นคนรักกันเขาต้องชูกล่องนี้ด้วย ”

” ถุงยางคืออะไรอ่ะครับ/ คะ มันเหมือนลูกโป่งมั้ย ”

เพราะคำถามดูแล้วจะเป็นเรื่องไกลตัวเกินไปในสายตาผู้ใหญ่ ทำให้ผู้ปกครองส่วนมากมักจะตอบไม่ตรงคำถามหรือเลี่ยงที่จะให้ข้อมูลจริงๆ ไปจนอาจพลาดโอกาสได้สอนหรือแนะนำซึ่งในความจริงแล้วนั้น หากเด็กที่อายุเกือบ10 ปี หรืออาจจะอยู่ในวัยใกล้ขึ้นมัธยมแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่ไกลตัวเกินเรียนรู้เลยค่ะ และดีซะอีกถ้าได้เรียนรู้เร็ว เรามาดูไปด้วยกันดีกว่าว่าจะทำอย่างไรให้เราไม่เขินอายที่ต้องพูดคุย

เรื่องราวของถุงยางที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำความเข้าใจก่อนสอน

เรื่องของถุงยางเชื่อว่าผู้ชายหลายคนน่าจะมีความเข้าใจระดับหนึ่งอยู่แล้วเกี่ยวกับเรื่องของประโยชน์ในการช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูงสุดถึง 98% , เรื่องขนาดที่ต้องใช้ หรือรูปแบบที่ต้องการแต่ก็ยังมีส่วนของรายละเอียดให้แยกเพิ่มอีกซึ่งจะมีอะไรบ้างมาดูไปพร้อมๆ กันค่ะ

จุดประสงค์ในการใช้ถุงยาง

  • ช่วยควบคุมการกำเนิดบุตร ยิ่งในช่วงเวลาที่เรายังรู้สึกไม่พร้อมทั้งการเงิน และความรับผิดชอบ การใส่ไว้ก่อนมีเพศสมัพันธ์จะช่วยได้มากเลย
  • ช่วยป้องกันโรคทางเพศสัมพันธ์ เพราะบางครั้งการติดต่อโรคจากเพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า จึงจำต้องใส่ป้องกันไว้ ในกรณีมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้อื่น
  • ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้คู่นอนถึงความรอบคอบและระมัดระวังในการมีเพศสัมพันธ์

ขนาดของถุงยาง

ปกติแล้วขนาดของถุงยางเองก็มีอยู่หลายขนาดเพื่อให้เหมาะสมกับสรีระร่างกายของคนซึ่งก็เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องสอนลูกเพื่อให้ได้เลือกไซซ์ที่พอดี และสามารถเลือกได้ดังนี้

  • รอบวง 11-12 ซม. (4.5 นิ้ว) ต้องใช้ขนาด 49
  • รอบวง 12-13 ซม. (5 นิ้ว) ต้องใช้ขนาด 52
  • รอบวง 13-14 ซม. (5.5 นิ้ว) ต้องใช้ขนาด 54
  • รอบวง14-15 ซม. (6 นิ้ว) ต้องใช้ขนาด 56

เนื้อยางของถุงยาง

เพราะเรื่องสุขภาพก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ เราจำเป็นต้องรู้วัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตเพื่อให้ปลอดภัยต่อสภาพผิวของเรา ซึ่งถุงยางอนามัยนั้นมีเนื้อยางด้วยกัน 3 แบบ

  • แบบเนื้อยางพาราเป็นแบบมาตรฐานที่ใช้กันโดยทั่วไป
  • แบบเนื้อโพลียูรีเทนเหมาะสำหรับคนที่มีอาการแพ้ยางพารา สามารถใช้ชนิดแบบนี้แทนได้
  • แบบใช้ลำไส้สัตว์ซึ่งเป็นแบบที่ไม่แนะนำเพราะไม่สามารถป้องกันโรคได้ แต่สามารถช่วยไม่ให้เกิดการตั้งครรภ์ได้

เรื่องราวของยาคุมที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำความเข้าใจก่อนสอน

ประเภทของยาคุมนั้นมีมากมายหลายแบบเลยค่ะ รวมถึงประโยชน์ของยาคุมเอง ก็ไม่ใช่การทานเพื่อเพียงคุมกำเนิดเท่านั้นแต่ยังมีประโยชน์หรือคุณสมบัติทางการแพทย์อีกหลายอย่าง นอกจากนี้ในปัจจุบัน เด็กหญิงอายุ 10-20 ปี สามารถรับการฝังยาคุมได้ฟรีอีกด้วยเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ก่อนวัย และช่วยเหลือในเรื่องฮอร์โมนที่ไม่ปกติ ซึ่งรายละเอียดของเจ้ายาคุมจะมีอะไรบ้างไปดูกันได้เลยค่ะ

จุดประสงค์ในการใช้ยาคุม

  • ควบคุมการกำเนิด, ป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
  • ใช้สำหรับปรับฮอร์โมนในร่างกายที่ทำให้เกิดสิว, อาการคัดเต้า
  • ช่วยในเรื่องปัญหาของประจำเดือนที่มามากจนเกินไป หรืออาจมีปัญหาตามมาในช่วงมีประจำเดือนอย่างหน้ามืด, เวียนศีรษะ
  • ลดความเสี่ยงมะเร็งรังไข่, มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก , ถุงน้ำในรังไข่, เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่

ประเภทของยาคุม

ยาคุมที่เราเห็นๆ กันอยู่นั้นมีหลากหลายแบบให้ได้เลือกซึ่งการเลือกใช้นั้นก็จะต้องเลือกในแบบที่เข้ากับพฤติกรรมของผู้ใช้มากที่สุดซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกันเลยค่ะ

  • ยาคุมแบบทาน ประกอบด้วย 3 แบบ  คือชนิดฮอร์โมนเดี่ยว, ฮอร์โมนรวม, แบบฉุกเฉิน ซึ่งคุณสมบัติของแต่ละอย่างก็จะแตกต่างกันไปดังนี้ แบบฮอร์โมนเดี่ยวจะมีฤทธิ์อ่อนเหมาะสำหรับคุณแม่ช่วงให้น้ำนมบุตร, แบบฮอร์โมนรวมเป็นที่นิยมใช้มากสุด, แบบฉุกเฉินคือแบบที่ต้องทานกระทันหันเพราะเกิดเหตุไม่คาดฝันอย่างถุงยางรั่วหรือถูกกระทำชำเราและต้องการป้องกัน
  • ยาคุมแบบฉีด เป็นการใช้ยาคุมแบบฉีดเอา 3 เดือนครั้ง แต่อาจมีผลข้างเคียงที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ และหากหยุดฉีดก็ต้องกินเวลาไปอีกพักใหญ่กว่าจะกลับมามีประจำเดือน
  • ยาคุมแบบแผ่น แปะได้ตามใต้ท้องแขน, สะโพก, แผ่นหลังส่วนบน ใช้ได้ผลดี ระยะเวลาแปะสามารถแปะไว้ได้ 3 อาทิตย์ และหยุดแปะได้ 1 อาทิตย์ แต่อาจรู้สึกอับหรือคันบ้างกับตำแหน่งที่แปะไว้
  • ยาคุมแบบฝัง จะเป็นการฝังหลอดยาลงไปใต้ท้องแขนซึ่งสามารถคุมการกำเนิดได้ยาว 3-5 ปีโดยประมาณ อาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ และน้ำหนักขึ้น ซึ่งช่วงอายุที่สามารถฝังได้คือ อายุ 10 ปีขึ้นไป
  • ยาคุมแบบห่วงทองแดง เป็นการใส่ห่วงทองแดงเข้าไปในโพรงมดลูกเพื่อป้องกันการฝังตัวอ่อน ซึ่งระยะเวลาในการคุมกำเนิด ใช้ได้ระยะยาว 3-5 ปี แต่ต้องมีการเช็คตำแหน่งห่วงอยู่เรื่อยๆ ว่าเคลื่อนหรือไม่จะตรวจเองหรือให้ทางแพทย์เป็นผู้ตรวจก็ได้

ผลข้างเคียงหรือข้อควรระวังในการเลือกใช้ยาคุม

  • อาจทำให้เวียนหัว, อยากอาเจียน
  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ
  • มีผลข้างเคียงหากแพ้ส่วนประกอบของยา ต้องได้รับคำแนะนำจากเภสัชหรือแพทย์เฉพาะทาง

 

วิธีสอนเรื่องถุงยางและยาคุม

1. ไม่จำเป็นต้องแบ่งเพศในการสอน

บางครั้งคุณพ่อคุณแม่มักคิดว่า เด็กผู้ชายต้องรู้เรื่องถุงยาง ผู้หญิงต้องรู้เรื่องยาคุม แต่ในความจริงแล้ว การมีความรู้ของทั้ง 2 สิ่ง เป็นสิ่งที่ดีและควรสนับสนุนให้รู้ได้ทุกคนเพื่อปกป้องตัวลูกเองในยามโต เพราะเมื่อเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เราไม่อาจรู้ได้ว่าลูกของเราจะได้พบเจอกับคนแบบไหน หรือมีความใส่ใจในเรื่งอนี้มากพอหรือเปล่า การเพิ่มความรู้แบบครอบคลุมจะทำให้เขามีวิจารณญาณและรู้จักการปกป้องตนเองมากยิ่งขึ้น อาทิ

  • ไปพบคนรักและคนรักไม่มีความรู้เรื่องการใช้ถุงยาง จะได้รู้จักต่อรองและป้องกันตนถูกวิธี
  • เข้าใจกลไกของการใช้ยาคุมว่ามีหลายสาเหตุไม่ใช่แค่เพื่อเรื่องคุมกำเนิด
  • มีสำนึกและความรับผิดชอบต่อตนเอง กับผู้อื่นในเรื่องความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน
  • ความรู้กระจายเป็นวงกว้างทำให้เด็กๆ มีความรู้รอบตัวมากขึ้น
2. มองว่านี่คือเรื่องธรรมชาติ จะอย่างไรในอนาคตลูกก็ต้องรู้

เป็นไปได้มนวัยที่กำลังจะเข้าเลข 10 ของเด็กทุกคนหรือเริ่มมีประจำเดือน, ฝันเปียก ผู้ปกครองเองก็ต้องเริ่มสังเกตและหาจังหวะที่จะพูดคุยได้แล้วกับเรื่องเพศศึกษา แต่คงมีบ้างที่พ่อแม่รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัว และลูกยังเล็กเกินกว่าจะเข้าใจ แต่เชื่อเถอะค่ะว่าการสอนให้เขารู้จักเกี่ยวกับอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ แต่เนิ่นๆ จะส่งประโยชน์มากกว่าข้อเสีย เด็กๆ สามารถรู้จักเรื่องเหล่านี้ได้พอเริ่มเข้าสู่ช่วงประถมปลาย หากลูกยังไม่เคยถามเราอาจจะเป็นคนเริ่มเปิดประเด็นเองเลยก็ได้เพื่อคุยให้เขาเข้าใจว่าในอนาคตแล้วอาจมีเรื่องความรักแบบผู้ใหญ่เกิดขึ้น ถึงตอนนั้นจะได้มีข้อมูลติดตัวในการตัดสินใจและข้อดีนี้ก็จะส่งผลให้

  • ลูกมีความไว้ใจที่จะปรึกษาเรื่องนี้ในตอนที่โตขึ้นจริงๆ
  • ลูกรู้จักปกป้องตนเองได้ถูกวิธี
  • ลูกจะเข้าใจทั้งตนเองและผู้อื่นเพื่อต้องพบเจอเรื่องราวเหล่านี้และช่วยเหลือผู้อื่นได้ถูกวิธี
3. ไม่ใช่เพียงทฤษฏีที่ต้องสอนแต่ต้องยกตัวอย่างให้เห็นภาพ

การสอนนั้นต้องจริงจัง ไม่ทำเพียงพูดและจบไป แต่อาจต้องสอนให้รู้ลึกพอที่จะทำให้เขาเห็นภาพ และจดจำได้อย่างถูกต้องโดยเฉพาะวิธีการใช้ และเข้าใจถึงผลที่จะเกิดตามมาหลังใช้สิ่งนั้นๆ แน่นอนว่าได้ทั้งสองเพศเช่นเคยเพราะไม่ใช่เพียงอย่างเช่น

การสอนลูกให้เข้าใจเกี่ยวกับใช้ถุงยางที่ถูกต้อง

  • ต้องเลือกไซซ์ที่พอดี
  • ไม่ฉีกหรือกัดซองแรงๆ เพราะตัวถุงอาจจะขาด
  • ตรวจดูส่วนประกอบของสารที่มีในตัวถุงยางว่าใช้ได้หรือไม่ แพ้รึเปล่า
  • วิธีการใส่ที่ถูกต้อง ว่าต้องครอบถึงช่วงล่าง

สอนชนิดของยาคุมที่เหมาะสมหรือประโยชน์และโทษที่เหมาะกับร่างกาย

  • การเลือกประเภทยาคุมในแบบที่ต้องการตามระยะเวลาที่ต้องการใช้
  • สอนการดูฉลากและวิธีทานหากเป็นยาสำหรับทาน
  • สอนทุกครั้งว่าหากไม่มั่นใจว่าควรใช้ประเภทไหนต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทางที่เข้าใจเรื่องยาคุม
4. เปิดใจให้กว้างและคิดเสมอว่าซักวันลูกเราก็จะต้องใช้

หัวอกคนเป็นพ่อแม่คงมีบ้างที่มองว่าเรื่องแบบนี้มันดูไม่งาม ไม่อยากให้ลูกเราเป็นคนหมกมุ่นหรือสนใจแต่เซ็กส์หรือเพศ ไว้หากเขาอยากรู้ค่อยบอกหรือรอเป็นวัยรุ่นก็ได้ แต่ทว่า หากปล่อยให้นานไปแบบนั้น วันที่เขาอยากรู้อาจเป็นวันที่พลาดไปแล้ว หรือไม่เคยได้รู้เลยจนเกิดเรื่องและพ่อแม่อย่างเราถึงจะได้ทราบปัญหาก็เป็นได้ค่ะ ฉะนั้น การให้ข้อมูลก่อน หรือเปิดใจที่จะแนะนำเด็กๆ ของเรา จึงไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือทำให้กลายเป็นเด็กหมกมุ่นอย่างที่คิด แต่ในทางกลับกันจะช่วยให้พวกเขาเข้าใจและรู้จักระวังตัวได้มากจนเราแทบไม่ต้องห่วงเขาเลยพอถึงวัยที่ต้องใช้ค่ะ

ดังนั้นพ่อแม่อย่างเราจึงควรส่งเสริมให้ความรู้อย่างครอบคลุมด้วยคำง่ายๆ อย่าง ผู้ชายต้องรู้จักใส่ถุงยางป้องกัน, ผู้หญิงต้องอย่าลืมทานยาหรือใช้ประเภทยาคุมให้ถูกต้องค่ะ

 

ที่มา : ram-hosp , siphhospital , biopharm , playcondom , kapook.com

Writer Profile : OttChan

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



กำลังใจที่ไม่เคยสังเกต
ชีวิตครอบครัว
Update
ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์
เคยกลับบ้านมาแล้วกรี๊ดลั่นบ้านเพราะเจ้าตัวแสบไปวิ่งเล่นเลอะเทอะกันไหมคะ ? หรือแต่งตัวลูกอย่างดีไปทานข้าวนอกบ้าน แต่คุณลูกก็ทำซอสหกใส่ ไอติมหล่นไปเป็นก้อน เละทั้งตัว วันนี้ ParentsOne มีเสื้อเด็กที่เจ๋งมากๆ จาก GQ : the good day lab™ มาลองรีวิวให้ได้ชมกันค่ะ 🛒 ช้อปเลยที่ -> https://gqsize.link/bZT7Sx แกะกล่อง GQ : the good day lab™ เสื้อเด็ก ฟีเจอร์เพียบ คุณภาพ GQ ขึ้นชื่อว่า GQ ก็มั่นใจได้เรื่องคุณภาพค่ะ ผ้านุ่ม เบาบาง เหมาะกับอากาศเมืองไทย ใส่วิ่งสบายๆ ที่แปลกตาคือเป็นเสื้อที่ไม่มีป้ายแท็กค่ะ ทั้งด้านหลังคอเสื้อ หรือข้างใน ไม่ต้องห่วงว่าจะเคืองหรือคันเลย กระดุมแข็งแรงเอามากๆ ใช้แรงผู้ใหญ่ดึงแรงๆ ก็ไม่มีปัญหาเลย ไฮไลท์สำคัญที่คุณแม่แทบกรี๊ด คือเป็นไม่เปื้อนค่าาาา เทน้ำ เทนมใส่เสื้อ ไม่เปียกเลย สะบัดสองที หายปกติ ซึ่งถ้าใครเคยเห็นโฆษณา GQ ที่เสื้อเชิ้ตขาวไปทำงานคุณพ่อ โดนกาแฟหกใส่ แต่ผ้าไม่เปื้อนเลย เทคโนโลยีผ้าสะท้อนน้ำ ตอนนี้มาอยู่ในเสื้อเด็กแล้ววววว ทีมงานทดสอบเทน้ำสีผสมอาหาร นม หรือแม้แต่ซอสมะเขือเทศลงบนเสื้อ ก็ไม่เปื้อนค่ะ ไม่น่าเชื่อมากๆ ข้อดีที่สุดของผ้าแบบนี้ คือทำให้ชีวิตคุณแม่สบายขึ้นมาก พาลูกไปเที่ยว วิ่งเล่นสนามหญ้า พาไปทานก๋วยเตี๋ยว หรือให้ทานอะไร ก็ไม่ต้องกลัวเสื้อสวยๆ เลอะ แถมประหยัดเวลาซักผ้าด้วย ไม่ต้องมาคอยแช่ผ้าให้คราบมันออกแบบสมัยก่อน สำหรับเสื้อเด็ก the good day lab™…
8 ธันวาคม 2566

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save