fbpx

“ เมื่อผมกลายเป็นพ่อ” สถานะที่เปลี่ยนไป ทำให้พฤติกรรมของคุณพ่อเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

Writer : Jicko
: 3 ธันวาคม 2561

สำหรับผู้หญิงทุกคนเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะมีลูกสักคน คงจะตื่นเต้นมากๆ เลยนะคะ แต่ละคนก็มีความตื่นเต้น  แตกต่างกันไป บางคนดีใจแทบร้องไห้เลยก็มี แล้วถ้าคุณแม่บอกคุณพ่อว่า “เรากำลังจะมีลูก” ในตอนนั้นคุณพ่อคงจะดีใจไม่น้อยไปกว่าคุณแม่อย่างแน่นอน  

แต่ด้วยความที่เป็นผู้ชายแล้วส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะแสดงออกถึงอารมณ์มากมายนัก ยิ่งรู้ว่ากำลังจะเป็นพ่อคนและยังเป็นเสาหลักของครอบครัวแล้ว คุณพ่อๆ เหล่านั้นจะรู้สึกยังไงกันบ้างและมีพฤติกรรมอะไรที่เปลี่ยนไปเพื่อครอบครัวบ้างไปดูกันเลยค่ะ

  • อยากทำให้ครอบครัวสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

จากที่อยู่ด้วยกันแค่สองคนเหงาๆ วันดีคืนดีก็มีเจ้าตัวน้อยมาอยู่ด้วย ใช่แล้วค่ะคำว่าครอบครัวอย่างที่เรารู้ก็คือ มีพ่อ แม่ และลูก แค่คิดภาพที่มีเจ้าตัวน้อยวิ่งซุกซน เรียกชื่อคุณพ่อคุณแม่ คงทำให้บ้านน่าอยู่และครอบครัวดูสมบูรณ์อบอุ่นขึ้นมามากเลยทีเดียวนะคะ คราวนี้คุณพ่อคงไม่อยากออกไปไหนเลยอยากอยู่กับลูกและครอบครัวมากขึ้นแน่ๆ

 

  • ตั้งใจทำงานหนักเพื่อลูก

เพื่อลูกคุณพ่อทำได้เสมอ คุณพ่อคนใหม่ก็เริ่มจะหันมาหารายได้จากเดิมที่มีอยู่ ขยันทำงาน เริ่มหากิจกรรมหรือกิจการมาพูดให้คุณแม่ฟัง เพื่อลูก เพราะว่าไหนจะค่าเล่าเรียนของลูก ค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มขึ้นหลังจากมีเจ้าตัวน้อย คุณพ่อก็ต้องขยันๆ กันหน่อยแหละค่ะ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกน้อยนั้นเอง

 

  • ลดการสังสรรค์ ทุ่มเทเวลาให้ครอบครัว

ผู้ชายกับปาร์ตี้นี่ขาดกันไม่ได้เลยนะคะ ยิ่งตอนสมัยวัยรุ่นไม่ต้องพูดถึงเลย พอโตมาหน่อยแต่งงานก็มีบ้างหลังเลิกงาน ไปเจอเพื่อนโน้นนี่นั้น แต่พอวันนึงมีเจ้าตัวน้อย คุณพ่อก็แทบจะเอาเวลาทั้งหมดมาดูแลและอยู่กับเขาโดยไม่รู้ตัวเลยแหละค่ะ ใครว่าคุณพ่อเห่อลูกก็ไม่สนเลยทีเดียว สมกับเป็นคุณพ่อมือใหม่จริงๆ เลยนะคะ

 

  • มีความภูมิใจที่ได้ปกป้องคนที่เรารัก

เมื่อรู้ว่าจะเป็นคุณพ่อ ไม่ว่าใครก็จะรู้สึกตื่นเต้นและรักกับสิ่งที่จะเกิดใหม่ในไม่นาน และเมื่อเขาเกิดมาด้วยความที่เป็นผู้ชายและเป็นคุณพ่อแล้วเขาก็รู้สึกอยากจะปกป้องใครสักคน โดยเฉพาะคนที่เรารักนั้นเอง เขาจะรู้สึกภูมิใจมากเมื่อเขาได้ปกป้องคุณและลูก เพื่อให้เขาโตมาเป็นคนดีต่อไปนั้นเองค่ะ

  • วางแผนการเงินมากขึ้น เพื่ออนาคตของลูก

ตอนที่คุณพ่อยังไม่มีลูก ทุกสิ่งทุกอย่างก็ซื้อมาอย่างง่ายดาย มีค่าใช้จ่ายมากมายอยากได้อะไรก็จับจ่ายอย่างสบายโดยไม่ต้องคิด แต่พอมาวันนึงที่มีลูกขึ้นมาแล้วละก็คุณพ่อจากที่เคยใช้เงินซื้อโน้นนี่ของตัวเองก็เริ่มคิดหน้าคิดหลังมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้เงิน เพื่อจะได้มีเงินเหลือไว้ให้ลูกน้อยใช้ในค่าใช้จ่ายต่างๆ ในอนาคตนั้นเองค่ะ

 

  • นึกถึงลูก่อนเสมอไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม

หากสังเกตสักนิดก็จะเห็นว่าเมื่อมีลูกแล้วคุณพ่อทั้งหลายก็เปลี่ยนพฤติกรรมจากหน้ามือเป็นหลังมือ กลายเป็นอีกคนอย่างเห็นได้ชัด แต่ก่อนไปไหนซื้ออะไรก็อาจจะซื้อของให้แค่ภรรยา แต่มาตอนนี้เมื่อมีเจ้าตัวเล็กแล้วละก็ เห็นอะไรที่ลูกน่าจะชอบ หรือขนมน่าอร่อย ก็จะซื้อมาให้ลูกก่อนเสมอ หรือแม่แต่การใช้ชีวิต บางทีในสถานการณ์ที่เสี่ยง ถ้ากระทบถึงลูก เมื่อเป็นคุณพ่อมือใหม่แล้วอะไรที่เลี่ยงได้เขาก็จะเลี่ยงทันทีเลยค่ะ

 

  • กลัวการสูยเสียจากคนที่เรารัก

แต่ก่อนอาจจะใช้ชีวิตโลดโผนได้อย่างสบายใจ แต่เมื่อมีลูกน้อยแล้ว เรื่องความปลอดภัยถือว่าเป็นเรื่องที่คุณพ่อมือใหม่ก็แอบจะกังวลใจอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขับรถขับลาซึ่งแต่ก่อนอาจจะไม่เคยคิด หรือการดำเนินชีวิตต่างๆ ที่เสี่ยงต่อชีวิต คุณพ่อก็จะระมัดระวังมากขึ้น เพราะเขากลัวว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นมา เขาจะไม่ได้ดูแลลูกสุดที่รักของเขา ไม่ได้เห็นเวลาที่ลูกเติบโตในอนาคต ดังนั้นคุณพ่อมือใหม่ก็จะระมัดระวังมากเพราะกลัวการสูญเสียจากคนที่เรารักทั้งภรรยาและลูกนั้นเองค่ะ

 

  • เครียดกลัวเลี้ยงลูกได้ไม่ดี

ซึ่งการที่กลัวเลี้ยงลูกไม่ได้ไม่ใช่มีแค่คุณแม่คนเดียวนะคะที่เครียด เพราะคุณพ่อมือใหม่ก็ตื่นเต้นและกังวลเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย คุณพ่อมือใหม่มักจะกังวลอยู่ว่า จะอุ้มลูกยังไง อาบน้ำยังไง ป้อนนมเขายังไง ยิ่งโตขึ้นก็มีสาระพันปัญหาให้ปวดหัว ทำยังไงถึงจะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด ยิ่งถ้าคุณแม่ไม่อยู่หรือต้องอยู่คนเดียวกับลูกคุณพ่อยิ่งกังวลใจมากขึ้น แต่ถ้าคุณพ่อมือใหม่ได้ลองเลี้ยงลูกดูด้วยความรักก็ไม่ต้องกังวลใจไปเลยค่ะ เดี๋ยวคุณพ่อก็คุ้นเคยกับเจ้าตัวเล็กบางทีอาจจะเลี้ยงเก่งกว่าคุณแม่มือใหม่ก็ได้นะคะเนี่ย

 

  • เป็นห่วงสุขภาพของลูกและภรรยา

แต่ก่อนทำอะไรไม่ต้องห่วงหลังห่วงหน้า เพราะตัวคนเดียว ทำอะไรเราก็เป็นเองเดี๋ยวก็คงหาย แต่เมื่อมีภรรยาและลูกเขามาในชีวิต ทำให้เหมือนต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวคลายๆ กับการสูญเสีย เป็นการไม่อยากให้ลูกต้องเป็นอะไรกับสุขภาพ กลัวลูกเจ็บบ้าง เป็นห่วงเขาสารพัด ทั้งๆ ที่แต่ก่อนไม่ค่อยได้ต้องห่วงใคร แต่ว่าคุณพ่อมักจะไม่แสดงความรู้สึกเหล่านี้มาก เพราะบางครั้งคุณพ่อก็กลัวคุณแม่คิดมากนั้นเอง

ที่มา : womenkapook

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



7 สิ่งดีดี ที่คุณพ่อทำแล้วครอบครัวแฮปปี้
กิจกรรมของครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save