fbpx

10 วิธี เลี้ยงลูกยังไงให้ฉลาด

Writer : nunzmoko
: 20 กรกฏาคม 2560

ถ้าพูดถึงเรื่องสติปัญญา ความฉลาด ที่มาจากพันธุกรรมแล้ว ส่วนที่เป็นปัจจัยสำคัญก็คือ สภาพแวดล้อมของเด็ก ถ้าเด็กอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ที่ส่งเสริมต่อพัฒนาการทางสมอง ก็ทำให้เด็กฉลาดขึ้นได้ อีกทั้งความฉลาดที่กำลังพูดถึงนี้ไม่ใช่แค่ I.Q. ความฉลาดทางปัญญา การคิดคำนวณ การใช้เหตุผล แต่ยังรวมไปถึง E.Q. คือความฉลาดทางอารมณ์ การรับรู้ เข้าใจอารมณ์ของตนเองและผู้อื่น อีกด้วย แล้วจะทำยังไงให้ลูกของเราฉลาดทั้งสติปัญญาและอารมณ์ ไปดูกันเลยค่ะ

10 วิธีเลี้ยงลูกให้ฉลาด

1. สร้างโอกาสในการเรียนรู้ให้ลูก

สภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็กมีพัฒนาการด้านสมองที่ดีขึ้นได้ ทั้งสภาพแวดล้อมที่บ้านและที่โรงเรียน อีกทั้งคุณพ่อคุณแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เปิดโลกทัศน์ของลูก ไม่จำกัดหรือปิดกั้นพัฒนาการเด็กด้วยคำว่า “อย่าทำ”

2. ให้ลูกดื่มนมแม่นานขึ้น

ผลการศึกษาเรื่องการพัฒนาสมองหลายชิ้น แสดงให้เห็นว่าระยะเวลาที่เด็กได้ดื่มนมแม่เชื่อมโยงกับการที่เด็กจะโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีฉลาด มีโอกาส 

3. เรียนรู้จากการเล่น

ในวัยเด็กการเรียนรู้เกิดจากการเล่น ดังนั้น ควรส่งเสริมให้เด็กได้ทำกิจกรรมหรือศิลปะที่สร้างสรรค์ เช่น เกมกระดาน วาดภาพ เล่นดนตรี ร้องเพลง หรือเกมที่เน้นใช้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายในการเคลื่อนไหว

4. พาลูกไปออกกำลังกาย

การออกกำลังกาย ช่วยให้เลือดเกิดการหมุนเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดี เมื่อสมองได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ความเร็วในการคิดวิเคราะห์ และกระบวนคิดอย่างมีเหตุผลของลูกจะได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้ให้กับลูกอีกด้วย

5. สอนให้ลูกคิดบวก

การคิดบวกหรือการตอบสนองเชิงบวก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพสมองของลูกได้ ในทางกลับกันการคิดในแง่ลบจะเป็นการบั่นทอน สติปัญญา สมองและจิตใจ

6. สอนให้ลูกรักการอ่าน

การอ่านถือเป็นการสร้างความฉลาดที่ดีที่สุด คุณพ่อคุณแม่ควรหาหนังสือดีๆ มาอ่านให้ลูกฟังเป็นประจำหรืออ่านเป็นตัวอย่าง นอกจากนี้ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้เลือกหนังสือที่ชอบเองด้วย พยายามอย่าบังคับลูกหรือสร้างข้อจำกัดในการอ่านของลูกมากเกินไป

7. ให้ความรักแก่ลูก

การที่พ่อและแม่ให้ความรัก แสดงความรักต่อลูกเป็นที่สิ่งสำคัญมาก เมื่อลูกมีความสุข รู้สึกอบอุ่น จะทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี ทั้งด้านสติปัญญาและอารมณ์

8. อาหารบำรุงสมอง

ลูกควรได้รับสารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน และไม่ควรข้ามอาหารมื้อใดมื้อหนึ่งไป รวมถึงลูกควรได้รับสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อการทำงานของสมอง เช่น ดีเอชเอ และโอเมก้า เพื่อช่วยให้การทำงานของสมองเป็นไปอย่างมีประสิทธิ์ภาพ

9. เรียนรู้ผ่านเทคโนโลยี

ต้องยอมรับว่าในปัจจุบัน ทุกเพศทุกวัย ต่างใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกแอพพลิเคชั่นหรือวิดิโอที่เป็นประโยชน์เพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็ก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรให้ลูกใช้เทคโนโลยีเท่าที่จำเป็นไม่มากจนเกินไป

10. การให้กำลังใจลูก

การกระตุ้นลูกฉลาดไม่ใช่การให้เขาลงมือทำเพียงครั้งเดียวแล้วจะประสบความสำเร็จ แต่เกิดจากการทำซ้ำบ่อยๆ อย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นทักษะ กระบวนการคิดเกิดเป็นการเรียนรู้ และความฉลาด ดังนั้น เราควรพูดให้กำลังใจลูกเพื่อให้ลูกมีกำลังใจและรู้สึกดีที่จะเรียนรู้สิ่งนั่นต่อไป

 

  • ที่มา – lifehack
  • ที่มา – rakluke
  • ภาพจาก – activekids
Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



5 พิพิธภัณฑ์ของเล่น ที่เหมาะพาลูกไปเที่ยว
กิจกรรมของครอบครัว
กิจกรรมของครอบครัว กิจกรรมของครอบครัว
20 ธันวาคม 2560
ทำอย่างไรเมื่อลูกรัก “ติดจอ”
ชีวิตครอบครัว
เลี้ยงลูกด้วยเสียงดนตรีดียังไง ?
กิจกรรมของครอบครัว
วิธีรับมือเมื่อลูกอาละวาด
เด็กอายุ 2-5 ขวบ
รออยู่ที่เดิมนะ
ชีวิตครอบครัว
พาทัวร์โปรโมชั่นเด็ดงาน Baby&Kid Best Buy 1-4 มิ.ย.
เตรียมตัวเป็นแม่
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save