fbpx

ไขความลับ วิธีการเลี้ยงลูกให้ฉลาดแบบชาวยิว

Writer : nunzmoko
: 24 มิถุนายน 2562

ภาพจาก – Dribbble

เคยสงสัยมั้ยคะว่าทำไมชาวยิวถึงฉลาดและประสบความสำเร็จ มีคนเก่งจำนวนมากที่เป็นคนยิว อาทิเช่น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์นักวิทยาศาตร์ระดับโลก ชาวยิวมีความลับของการเป็นอัจฉริยะหรือมีความแตกต่างในด้านการเลี้ยงลูกอย่างไร แล้วเราที่เป็นพ่อแม่จะปรับใช้เพื่อสอนลูกรักได้ยังไงบ้าง ไปดูกันค่ะ

1. ชื่นชมลูกที่พึ่งพาตัวเองได้

  • พ่อแม่ส่วนใหญ่ มักจะสนับสนุนลูกๆ และคอยช่วยเหลือส่งเสริมอย่างเต็มที่ เพื่อให้ฝันของลูกไปถึง
  • พ่อแม่ชาวยิว ยึดถือแนวทางที่ต้องการให้ลูกประสบการณ์เช่นกัน เพียงแต่หากลูกฝันให้ไกลและต้องการไปให้ถึงลูกจะต้องเป็นคนลงมือทำด้วยตัวเอง พ่อแม่ชาวยิวให้ความสำคัญกับการที่เด็กสามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง

2. เรื่องยากก่อนที่มันจะง่ายเสมอ

  • พ่อแม่ส่วนใหญ่ จะสอนลูกจากประสบการณ์เพื่อให้ลูกผิดพลาดน้อยที่สุด
  • พ่อแม่ชาวยิว จะเปิดโอกาสให้ลูกลองทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง แน่นอนว่าบางสิ่งบางอย่างในครั้งแรกย่อมไม่สำเร็จ พ่อแม่ก็จะไม่ว่าที่ลูกยังเด็กและทำไม่ได้ แต่พ่อแม่จะปลอบใจและสนับสนุนให้ลูกเกิดความพยายามที่ลองใหม่อีกครั้ง ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้เด็กๆ เกิดการเรียนรู้และเกิดความพยายามค่ะ

3. การเชื่อใจในตัวลูกคือรางวัลที่ดีที่สุด

  • พ่อแม่ส่วนใหญ่ เมื่อลูกทำบางสิ่งบางอย่างได้ดีอาจจะมีคำชื่นชมหรือขนม ของเล่นเป็นรางวัลให้ลูก
  • พ่อแม่ชาวยิว เด็กๆ จะได้รางวัลเป็นความไว้ใจ และความเชื่อใจ ซึ่งถ้าพ่อแม่ไว้ใจให้ลูกๆ ทำอะไรเอง เด็กๆ ก็จะรู้ว่าพวกเขาทำสิ่งนั้นได้ดี

4. ยิ่งเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์

  • พ่อแม่ส่วนใหญ่ กลัวลูกจะเลอะเวลาลูกออกไปเล่นนอกบ้าน และห้ามให้ลูกเล่น
  • พ่อแม่ชาวยิว จะปล่อยให้ลูกๆ เล่นข้างนอกบ้านอย่างอิสระ ซึ่งเด็กๆ ก็มักจะตัวเปื้อนโคลน นิ้วเหนียว เข่าเลอะฝุ่น เพราะการรักษาเสื้อผ้าให้สะอาดอยู่เสมอ ไม่มีประโยชน์ต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของลูกๆ นั่นเอง

5. ยอมรับในความไม่เรียบร้อย

  • พ่อแม่ส่วนใหญ่ จะบ่นเวลาลูกทำสิ่งต่างๆ เลอะเทอะ ข้าวของพังและสั่งหรือดุให้เก็บทันที
  • พ่อแม่ชาวยิว ลูกจะทำข้าวของพังบ้าง ห้องรกสกปรก ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร ซึ่งแทนที่พ่อแม่ชาวยิวจะบ่นในเรื่องนี้แต่จะปล่อยให้เด็กๆ อยู่ในห้องรกๆ ของเขา ตราบใดที่เด็กๆ ยังมีความสุขกับมันอยู่ แล้วอธิบายว่าการมีระเบียบนั้นมีข้อดีอย่างไร ทำให้ลูกเจอของที่ต้องการง่ายขึ้นแค่ไหน

6. ปล่อยให้ลูกเล่นจนหมดพลัง

  • พ่อแม่ส่วนใหญ่ อาจจะต้องการให้ลูกเรียบร้อยอยู่ในกรอบ มีเสียงบ่นหรือสั่งอย่าง อย่าปืนนะ อย่าจับนะ หรือใจเย็นๆ สิลูก
  • พ่อแม่ชาวยิว จะปล่อยให้ลูกๆ ใช้เวลาทั้งวันในการวิ่งเล่น โดยไม่มีเสียงบ่น หรือห้ามไม่ให้เด็กๆ ทำอะไร เพราะรู้ถึงความสำคัญของการปล่อยให้เด็กได้ใช้พลังงานทั้งหมดอย่างเต็มที่ในขณะที่พวกเขายังเด็กอยู่ การทำแบบนี้เมื่อลูกโตขึ้น เขาจะเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นใจและทำสิ่งต่างๆ โดยไม่ย่อท้อ

7. ให้อิสระลูก แต่ก็ต้องมีกฎ

  • พ่อแม่ส่วนใหญ่ ข้อนี้ถือว่าใกล้เคียงกันกับการสอนลูกส่วนใหญ่ โดยทุกบ้านจะมีกฎที่ห้ามละเมิดหรือขัดพ่อแม่ไม่ได้ เช่น ห้ามเกเร
  • พ่อแม่ชาวยิว ดูเหมือนปล่อยให้ลูกทำอะไรหลายอย่าง แต่ก็มีข้อห้ามชัดเจนที่ลูกจะละเมิดไม่ได้ เช่น การไม่เคารพครอบครัว ไม่เคารพพ่อแม่ พ่อแม่จะลงโทษลูกๆ เช่นกัน

8. พ่อและแม่เป็นหัวหน้าครอบครัว

  • พ่อแม่ส่วนใหญ่ จะมีพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวและลูกจะเลือกเชื่อฟังหรือเกรงใจแค่พ่อหรือแม่เท่านั้น
  • พ่อแม่ชาวยิว แม้การให้เคารพพ่อแม่ อาจเป็นเรื่องที่เด็กเล็กๆ จะยังไม่เข้าใจ แต่พ่อแม่ชาวยิวจะสอนให้เด็กๆ เคารพพ่อแม่ตั้งแต่เล็ก ซึ่งลูกจะรู้ว่าพ่อแม่เป็นหัวหน้า และจะเลียนแบบและยึดถือพ่อแม่เป็นตัวอย่างเสมอ

9. ลูกสามารถควบคุมตัวเองได้

  • พ่อแม่ส่วนใหญ่ จะลงโทษลูกด้วยการไปยึดหรือแย่งของบางสิ่งบางอย่างจากลูกไป
  • พ่อแม่ชาวยิว จะตั้งกฎในการให้รางวัลกับการกระทำที่ถูกต้อง เพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างเข้าที่เข้าทางและให้ลูกทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ถูกต้อง ดังนั้นเด็กๆ ก็จะไม่คิดถึงการถูกลงโทษ แต่จะเรียนรู้ที่จะปรับและเรียนรู้ได้เองว่าพฤติกรรมไหนที่ดีหรือไม่ดีของตัวเอง เพื่อให้เป็นผลดีกับตัวเอง

10. พ่อแม่จะสังเกตลูกอยู่เสมอ

  • พ่อแม่ส่วนใหญ่ บางคนก็อาจเห็นในสิ่งที่ลูกทำและชื่นชมด้วย แต่ก็อาจแทบจะไม่ได้มองไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งของหรือการกระทำของลูกเลย
  • พ่อแม่ชาวยิว จะสังเกตเห็นการกระทำของลูก และเชื่อว่าควรให้รางวัลกับสิ่งที่ลูกทำได้ ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกตั้งใจทำจะได้รับคำชม การชมเด็กๆ จะช่วยให้เขามีพัฒนาการที่ดี แม้ผลงานของลูกจะไม่ได้ดีมากมาย แต่พ่อแม่ชาวยิวก็จะหาทางชมจนได้

ทั้ง 10 ข้อที่ได้เล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง ทำให้เรารู้ว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกฉลาดได้ คือการให้ความรักและเอาใจใส่รายละเอียดต่างๆ ของลูก โดยไม่กีดกันขีดจำกัดของลูกและคอยช่วยสนับสนุนอยู่ข้างๆ ทั้งหมดนี้จะทำให้เด็กฉลาดและเป็นอัจฉริยะได้ค่ะ

ที่มา – bright side

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



อ่านก่อนโพสต์รูปลูกลง SOCIAL MEDIA!
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
9 คติประจำใจของแม่ เมื่อมีลูกน้อย
เตรียมตัวเป็นแม่
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save