fbpx

7 สิ่งที่ควรทำเพื่อป้องกันปัญหาพี่น้องอิจฉากัน

Writer : Lalimay
: 8 พฤษภาคม 2561

ปัญหาระหว่างพี่กับน้องถือเป็นปัญหาที่ใหญ่มากๆ สำหรับคุณพ่อคุณแม่อย่างเราค่ะ ถ้าครอบครัวไหนพี่น้องรักกันก็โชคดีไป แต่ถ้าชอบทะเลาะหรืออิจฉากันก็เป็นสิ่งที่น่าเสียใจมากๆ เลยค่ะ แล้วทุกคนรู้ไหมคะว่าการที่ลูกจะรักหรือไม่รักกันนั้นขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของพ่อแม่ล้วนๆ เลยค่ะ

ครอบครัวไหนที่กำลังจะมีน้องให้ลูก แล้วกังวลว่าลูกคนพี่จะน้อยใจหรืออิจฉาน้องที่กำลังจะเกิดมา กังวลว่าโตขึ้นมาเขาอาจจะไม่รักกันเหมือนที่เราคิด ลองทำตาม 7 สิ่งนี้ดูนะคะ จะได้ช่วยป้องกันปัญหาพี่น้องอิจฉากัน แถมยังทำให้เขารักกันมากขึ้นอีกด้วย

1. ทำให้ลูกคนพี่รู้สึกดีกับน้องในท้อง

ต้องให้ลูกคนพี่มีความรู้สึกดีที่จะมีน้อง ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์เลยค่ะ ซึ่งสิ่งที่เตรียมพร้อมได้คือ

  • บอกลูกคนพี่ตั้งแต่เนิ่นๆ เช่น แม่กำลังจะมีน้องให้หนูแล้วนะ
  • ให้ลูกคนพี่มีส่วนร่วมตั้งแต่น้องอยู่ในท้อง เช่น ให้ลองจับท้องแม่ตอนน้องดิ้น ให้ลูกไปหาหมอตรวจครรภ์เป็นเพื่อนแม่
  • พ่อแม่พูดให้ลูกคนพี่เห็นถึงประโยชน์ของการมีน้อง เช่น ลูกจะมีเพื่อนเล่น
  • ผู้ใหญ่ในบ้านต้องระวังคำพูดที่ทำให้ลูกคนพี่มีทัศนคติที่ไม่ดีกับน้อง เช่น “ถ้าน้องเกิดมา หนูจะกลายเป็นหมาหัวเน่า” “ถ้าดื้อแบบนี้ ต่อไปจะไม่มีใครรัก ทุกคนเขาจะไปรักน้องกันหมดแล้ว”

2.ให้บทบาทลูกคนพี่ ทำให้เขารู้สึกสำคัญ

พ่อแม่ต้องให้บทบาทกับลูกคนพี่ ให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ เช่น มอบหมายหน้าที่เล็กๆ น้อยๆ ที่พี่ช่วยเหลือน้องได้ และทำให้ลูกภูมิใจในความเป็นพี่ เช่น ให้ช่วยหยิบขวดนม หยิบผ้าอ้อม เมื่อลูกทำแล้วก็ต้องชื่นชมเขาด้วย อย่างเวลาที่เราอาบน้ำให้คนเล็ก ก็ให้พี่เข้ามาด้วยโดยบอกว่า “ลูกช่วยแม่ดูน้องตอนอาบน้ำ ลูกเก่งมาก ช่วยแม่ได้เยอะเลยจ้ะ”

3. ดูแลเอาใจใส่ลูกคนพี่เหมือนเดิม

การดูแลเอาใจใส่ต่อลูกคนพี่ต้องเหมือนเดิม คือพยายามรักษาสิ่งที่เคยทำกับลูกคนพี่ให้เหมือนเดิมที่สุด เช่น เคยเล่านิทานก่อนนอนก็ยังต้องเล่าเหมือนเดิม เพราะไม่ว่าลูกจะโตแค่ไหน ก็ยังคงต้องการความรักความเอาใจใส่เหมือนเดิม นอกจากนี้ยังต้องแสดงความรักกับลูกคนพี่ให้มาก และบ่อยขึ้นกว่าเดิมเพราะการที่พ่อแม่ทุ่มเทความสนใจให้กับลูกคนเล็กทั้งหมดจะทำให้คนพี่น้อยใจได้ พ่อกับแม่จึงต้องแบ่งเวลาให้ดีค่ะ

4. ลูกคนพี่อาจมีพฤติกรรมถดถอย

ลูกคนพี่อาจงอแงติดแม่มากขึ้น บางคนก็อาจจะมีพฤติกรรมถดถอยคือ ทำตัวเหมือนเด็กที่ทำอะไรเองไม่ได้ จากที่เคยกินข้าวเองได้ก็อยากให้แม่ป้อน เพราะต้องการให้พ่อแม่ดูแลเขาเหมือนเดิม ดังนั้นพ่อแม่ต้องใจเย็นๆ อย่าดุ หรือตำหนิที่ลูกงอแง เอาแต่ใจมากขึ้น ค่อยๆ พูดคุย โดยการพูดชมเชยว่าเขาเป็นเด็กโต ช่วยเหลือตัวเองได้เพียงใด เก่งมากแค่ไหน เขาจะได้รู้สึกดี ภูมิใจในสิ่งที่ตนเป็นและไม่อยากเลียนแบบน้อง รวมไปถึงให้เวลากับลูกอย่างสม่ำเสมอ อธิบายให้ลูกฟังถึงความจำเป็นที่แม่ต้องใช้เวลากับน้อง เพราะน้องยังดูแลตัวเองไม่ได้ อาจให้ลูกดูรูปของเขาตอนเด็กๆ ว่าเขาก็เคยเป็นแบบน้อง แม่ก็เอาใจใส่เหมือนกัน

5. ไม่ควรใช้คำพูดเชิงเปรียบเทียบระหว่างพี่กับน้อง

ไม่ควรใช้คำพูดเชิงเปรียบเทียบระหว่างพี่กับน้อง ถึงแม้ว่าผู้ใหญ่คิดว่าคำพูดเชิงเปรียบเทียบจะช่วยกระตุ้นให้เด็กๆ ทำตามสิ่งที่ดีของพี่หรือน้อง แต่จริงๆ แล้วจะทำให้ลูกคนที่ถูกเปรียบเทียบรู้สึกแย่ ต่อต้านและอิจฉาพี่หรือน้องไปโดยไม่รู้ตัว เช่น “น้องนี่อารมณ์ดีจริงๆ ยิ้มหวานเชียว ไม่เหมือนพี่ที่ทำหน้าบูดทั้งวี่ทั้งวัน”

6. หาจุดแข็งของลูกแต่ละคนและสนับสนุนในสิ่งที่ลูกเป็น

หาจุดแข็งของลูกแต่ละคน เด็กแต่ละคนล้วนมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนั้นพ่อแม่ควรค้นหาให้เจอว่าลูกสามารถทำสิ่งใดได้เป็นพิเศษ เพื่อที่จะได้สนับสนุนได้ถูกรวมไปถึงต้องบอกลูกเกี่ยวกับจุดดีนั้น เพื่อที่เขาจะได้ภูมิใจในตัวเอง และไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับพี่หรือน้อง

7. พ่อแม่ควรแสดงออกถึงความรักอย่างเท่าเทียม

พ่อแม่ควรแสดงออกถึงความรักอย่างเท่าเทียมกัน ให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่ได้ลำเอียง รักพี่หรือน้องมากกว่า ทั้งคำชมและการลงโทษควรมีมาตรฐานเดียวกัน ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับใครเป็นพิเศษ

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



7 ข้อคิดจากการดูการ์ตูน Finding Nemo
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save