fbpx

7 วิธีรับมือเมื่อลูกต้องป่วยหนักจนเข้าโรงพยาบาล

Writer : Mookky TCN
: 22 ธันวาคม 2560

เวลาคุณพ่อคุณเเม่เห็นลูกป่วยเเล้วอยากป่วยเเทนเหลือเกิน เเละพาลคิดไปว่าเป็นความผิดของเราหรือเปล่าลูกถึงป่วย มาดูกันค่ะว่าถ้าต้องเจอสถานการณ์แบบนี้ เราจะมีวิธีในการรับมือเเบบไหนได้บ้างนะ

1. เช็คประกัน

เมือลูกต้องเข้าโรงพยาบาล สิ่งที่ต้องเช็คอันดับเเรกคือมีประกันหรือเปล่า เพราะถ้าทำไว้ก็ช่วยค่าใช้จ่ายลด  ถ้ายังไม่มีควรรีบทำไว้เลยค่ะ เนื่องจากเด็กๆ ป่วยบ่อยมาก อาจต้องมีเข้าออกโรงพยาบาล เเน่นอนว่าจะตามมาด้วยค่าใช้จ่ายเเสนเเพง ถ้ามีประกันก็ช่วยลดค่าใช้จ่าย เเละลดความเครียดไปได้เยอะมาก

2. ช่วยลูกคลายเครียด

ตอนที่อยู่บ้านเราอาจมีกฎหลายๆ ข้อ เช่น ห้ามดูทีวีได้ ห้ามดูการ์ตูน ห้ามเล่นของเล่นชิ้นนี้นาน ทานน้ำหวานได้บ้าง(แล้วเเต่อาการ) เเต่เวลาป่วยก็ให้หย่อนกฎลงหน่อย จะช่วยคลายความเครียดให้เด็กๆ ที่ป่วยอยู่

3.ระวังการพาลูกออกไปเล่นรอบโรงพยาบาล

เพราะโรงพยาบาลเป็นเหมือนเเหล่งรวมเชื้อโรคมากมาย เพราะมีเด็กๆ ที่ป่วยอยู่เยอะ เเละลูกมีภูมิต้านทานต่ำอยู่เเล้ว จึงไม่ควรให้ออกไปเสี่ยงรับเชื่อโรคอีก

4. คิดว่าเป็นการเปลี่ยนโรงแรม

ให้คิดว่าเป็นเปลี่ยนบรรยากาศ มาพักผ่อนที่โรงเเรมแทนการเข้าโรงพยาบาล ให้ดูวิวที่แปลกไปจากที่บ้าน จะทำให้เครียดน้อยลง

5. มีความรู้เกี่ยวกับการรักษา

คุณพ่อคุณเเม่ที่ต้องดูเเลลูกอาจต้องเรียนรู้ว่า สายน้ำเกลือ อุปกรณ์การเเพทย์ ที่นอน (ควรนอนฟูกติดพื้นดีกว่าเด็กจะได้ไม่ตกเตียง) ใช้อย่างไร เพื่อจะดูเเลลูกให้ดีที่สุด

6. ให้ลูกเล่นของเล่นเกี่ยวกับหมอ

ควรให้ลูกเล่นของเล่นที่เกี่ยวกับหมอ พยาบาล อุปกรณ์ทางการเเพทย์ เพราะเด็กจะได้เกิดความคุ้นชิน ไม่กลัว เนื่องจากเด็กบางคนรู้สึกกลัวมากเวลาเห็นชุดขาว ถ้าให้เด็กๆ ชินไว้ก่อนก็จะง่ายต่อการรักษามากขึ้น

7. ดูเเลเเม่ไม่เเพ้ดูเเลลูก

เพราะการเห็นลูกป่วยจนต้องมานอนโรงพยาบาลทำให้สภาพจิตใจของคนเป็นแม่ก็เเย่ลง เเม่ๆ บางคนก็อาจโทษว่าตัวเองดูเเลลูกได้ไม่ดีพอ ในช่วงนี้อยากให้คุณพ่อช่วยดูเเลเเม่หน่อยว่าเเม่ได้นอนไหม ทานข้าวหรือยัง เเละคอยปลอบใจว่าลูกกำลังดีขึ้น อย่าปล่อยให้เเม่ดูเเลลูกจนลืมดูเเลตัวเอง เเละในตอนกลางคืนก็อาจมาช่วยดูเเทนบ้าง

8. ใจแข็งกับสิ่งที่หมอสั่งให้ทำ

เวลาลูกกินยา หรือหมอสั่งให้ทำอะไรเเม่อาจจะต้องใจเเข็ง เพราะบางครั้งก็ต้องจับให้เด็กอยู่นิ่งๆ เวลารักษา ซึ่งถ้าลูกหันมาดุเเลเเล้วเเม่เข้มเเข็ง(ไม่ร้องไห้ตามลูก) ก็จะทำใให้ลูกมั่นคงขึ้นตามไปด้วย

การเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดาที่บางทีก็ต้องพบเจอบ้าง เเต่คุณพ่อคุณเเม่คิดว่าเดี๋ยวสักพักลูกก็จะหาย เเข็งเเรง เเละพร้อมออกมาร่าเริงเหมือนเดิม จะได้มีกำลังใจดูเเลลูก เเละไม่เครียดจนเกินไปนะคะ 😀

 

 

Writer Profile : Mookky TCN

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



รวม 5 เนอสเซอรี่เด็กในกรุงเทพ
เด็กวัยแรกเกิด
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save