fbpx

8 ข้อที่พ่อสอนลูกสาวได้ในการเลือกคนรัก

Writer : Mookky TCN
: 22 มิถุนายน 2561

รู้หรือไม่ว่าความสัมพันธ์ของ “พ่อ” มีผลกระทบกับชีวิตในอนาคตของลูกสาวมาก เพราะความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น จะช่วยให้ลูกโตไปเป็นผู้หญิงที่รู้สึกว่าตัวเองคู่ควรกับคนรักที่ดี มาดูกันว่าคุณพ่อจะสามารถสอนลูกในการเลือกคนรักได้อย่างไรบ้าง

1. ลูกต้องรู้จักรักตัวเอง

ลูกควรจดจำไว้อย่างขึ้นใจว่าก่อนที่จะนำความรักไปมอบให้คนอื่น เราต้องเริ่มรักตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก เพราะความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องนี้จะเป็นเหมือนเกราะป้องกันสำหรับตัวลูกเอง

2. เลือกคนที่แสดงออกด้วยการกระทำ

สอนให้ลูกเลือกคนรักที่รักลูกด้วยการแสดงออก ไม่ใช่จากคำพูดเฉยๆ แต่เป็นการกระทำ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเอาใจใส่ และถนอมความรู้สึกลูกเป็นอย่างดีเหมือนที่พ่อตั้งใจทำ

3. เลือกคนที่รักลูกจากข้างใน

แน่นอนว่าเรื่องหน้าตาคือปัจจัยหนึ่งในการให้ความสนใจกัน แต่ควรเลือกคนที่รักลูกในสิ่งที่เป็นข้างใน เช่น ความมีน้ำใจ ความเมตตา ความเอาใจใส่ หรือความน่ารักในแบบที่ตัวลูกเป็น มากกว่าคนที่เข้ามาหาลูกเพราะความสวยภายนอก

4. เลือกคนที่มีวิสัยทัศน์

เราไม่ได้สอนให้ลูกเลือกคนฐานะภายนอก แต่ให้เลือกดูที่วิสัยทัศน์ในอนาคต เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตเกิดความเจริญก้าวหน้า โดยควรดูว่าเป็นคนที่มีการตั้งเป้าหมายในชีวิตไหม ชอบเก็บเงินหรือเปล่า และควรค่ากับการฝากอนาคตไว้ด้วยมากแค่ไหน

5. เลือกคนที่ดูแลแม่ดี

ถ้าอยากรู้ว่าเขาเป็นคนดูแลคนอื่นดีแค่ไหน ให้สังเกตจากการดูแลคนในครอบครัว เพราะเป็นคนใกล้ชิดที่สุด เหมือนคุณแม่ที่เป็นผู้หญิงในคนแรกในชีวิต มันเป็นตัวอย่างว่าถ้าข้อนี้ดีก็แสดงได้ถึงทัศนคติที่ดี

6. เลือกคนที่มั่นใจในตัวลูก

มองคนไม่เอาลูกไปเปรียบเทียบกับใคร แต่รักและชื่นชมในตัวลูกเหมือนอย่างที่พ่อเห็นสิ่งดีๆ ของลูกเสมอมา

7. เลือกคนที่ดูแลตัวเองได้ดี

เป็นอีกข้อที่สำคัญเช่นกัน เพราะผู้ชายที่ดูแลตัวเองได้ดีนั้นถือว่าเป็นคนมีความรัก เคารพตัวเอง ซึ่งเป็นพื้นฐานของคนเราที่ถ้าดูแลตัวเองได้ดี ถึงจะสามารถดูแลคนอื่นได้

8. เลือกคนที่รักลูกอย่างสุดหัวใจ

เพราะลูกสาวเปรียบเหมือนแก้วตาดวงใจของพ่อ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเลือกคนรักคือ “เลือกคนที่รักลูก” เป็นสิ่งแรกในการเริ่มต้นความสัมพันธ์ ที่สำคัญมากกว่าสิ่งอื่นๆ เหมือนกับที่พ่อรักลูกนั่นเอง

เป็น 8 ข้อ ที่เราอาจค่อยๆ บอกลูกได้ตั้งแต่ยังเล็ก เพราะแน่นอนว่าถึงคุณพ่อจะรักและห่วงใยลูกสาวมากแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมรับว่าไม่สามารถอยู่กับลูกไปได้ตลอดทั้งชีวิต เพราะฉะนั้นก็เป็นการเพิ่มความมั่นใจว่าลูกจะได้พบกับคนรักที่ดีๆ  😀

ขอบคุณข้อมูลจาก – Kapook

Writer Profile : Mookky TCN

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ความสุขของ คนเป็นพ่อ คืออะไร?
ชีวิตครอบครัว
แด่…ลูกสาวของแม่
ชีวิตครอบครัว
7 ข้อคิดจากการดูการ์ตูน Finding Nemo
ชีวิตครอบครัว
15 สิ่งดีๆ ที่พ่อทำเพื่อแม่ได้
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save