fbpx

NEWS: สธ.เตือนพ่อแม่ ช่วงหน้าฝน ระวัง 3 โรคที่พบบ่อยในเด็กเล็ก

Writer : Lalimay
: 21 กันยายน 2561

สำนักระบาดวิทยา มีรายงานตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 ถึงขณะนี้ พบเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ป่วยเป็นโรคมือเท้าปากแล้ว 46,347 คน ไข้หวัดใหญ่ 31,485 ราย ปอดบวม 75,374 ราย พ่อแม่ต้องระวังให้มากค่ะ

นายแพทย์เจษฎา  โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ช่วงนี้ฝนตกบ่อย มักพบเด็กเล็กป่วยด้วยโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้นได้แก่ โรคมือเท้าปาก ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม โรคท้องร่วงจากเชื้อไวรัสโรตา ดังนั้นจึงขอให้พ่อแม่ ครู พี่เลี้ยงเด็ก คัดกรองอาการผิดปกติของเด็กก่อนเข้าเรียน เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมโรค

โดยเฉพาะโรคมือ เท้า ปาก เด็กจะมีไข้ มีตุ่มแดงภายในช่องปาก ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เพื่อเป็นการป้องกันโรคพ่อแม่จึงควรดูแลรักษาความสะอาดร่างกายลูก ตัดเล็บให้สั้น ล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ  โดยเฉพาะหลังการขับถ่ายและก่อนรับประทานอาหาร ใช้ช้อนกลาง และไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน หากพบว่ามีอาการของโรค ให้พาไปพบแพทย์ทันที จากนั้นให้หยุดอยู่บ้านจนอาการและแผลทุกแห่งหายเป็นปกติ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์

สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา มี 3 ชนิดคือ ชนิด เอ บี และซี  ที่พบมากที่สุด คือ ไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ (H1N1) (H3N2) รองลงมาได้แก่ ชนิด บี และซี มักมีอาการทันทีทันใด มีไข้สูง ตัวร้อน ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะที่หลัง ต้นแขน ต้นขา ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ ไอแห้งๆ

โดยในเด็กอาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ส่วนใหญ่มักไม่รุนแรง อาการจะทุเลาและหายป่วยภายใน 5 – 7 วัน โดยไม่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ให้เด็กนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหาย

ส่วนโรคท้องร่วงจากเชื้อไวรัสโรตา เด็กมีอาการท้องร่วง มีไข้ อาเจียนมาก ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ โดยเฉพาะในเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปีจะมีอาการรุนแรงมาก ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล บางรายอาจมีอาการขาดน้ำรุนแรง และเกิดภาวะช็อกได้ โรคนี้ติดต่อกันโดยการกินอาหาร นม หรืออมมือ อมของเล่นที่มีเชื้อนี้

ดังนั้นจึงควรดูแลล้างมือเด็ก ล้างของเล่นบ่อย ๆ เพื่อลดการติดเชื้อ โดยขณะนี้ มีวัคซีนป้องกันโรคนี้แล้ว แต่เด็กก็ยังมีโอกาสเกิดโรคท้องร่วงจากสาเหตุอื่น ๆ หรือจากเชื้อไวรัสโรตาเอง ซึ่งอาการมักไม่รุนแรงนัก

อ้างอิงจาก

สำนักสารนิเทศ กระทรวงสาธารณสุข

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save