fbpx

ตามดู "การบ้าน" ของเด็กๆเเต่ละประเทศ เยอะหรือน้อยมาดูกัน

Writer : Mookky TCN
: 27 กันยายน 2560

การบ้านเป็นสิ่งที่ให้เพราะตั้งใจว่าจะเพิ่มพูนทักษะทางการเรียนของเด็กๆ ให้กลับไปทบทวนเรื่องที่เรียนไปในวันนั้น เเต่หลายๆ ประเทศก็ให้การบ้านต่างกัน เรามาดูกันดีกว่าว่าเหล่าเด็กประถมในเเต่ละประเทศจะให้การบ้านกันแบบไหนบ้าง

ฟินแลนด์

ฟินเเลนด์เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีการศึกษาดีที่สุดในโลก มีเรียนเเค่วันละ 5 ชั่วโมง เเละที่สำคัญคือไม่มีการบ้าน!! และถึงเเม้จะมีการบ้านเด็กๆ ก็มักใช้เวลาทำไม่เกินวันละ 10 นาที เพราะที่ฟินเเลนด์ให้ความสำคัญกับกิจกรรมหลังจากเลิกเรียน เพราะถือว่าทุกที่คือการเรียนรู้ เเต่ถึงเเม้เด็กๆ ฟินเเลนด์จะไม่ได้ทำการบ้านหนังเท่ากับเด็กชาติอื่นๆ เเต่เด็กฟินเเลนด์ก็เก่งมากเห็นได้จากการจัดอันดับทางการศึกษาในระดับโลก เเละที่สำคัญเด็กๆ ยังมีความสุขมากกับการได้เรียนเเบบนี้ด้วยนะ

เวียดนาม

การให้การบ้านของเวียดนามเริ่มต้นด้วยการถามคำถามแบบเดียวเหมือนกันทุกวัน 5 ข้อ คือ

  • วันนี้เธอช่วยพ่อแม่ทำงานอะไรบ้าง?
  • วันนี้เธอทำความดีกับคนอื่นอย่างไรบ้าง?
  • ที่บ้านเธอมีข่าวท้องถิ่นอะไรน่าสนใจบ้าง?
  • มีข่าวการเปลี่ยนแปลงอะไรในประเทศเธอบ้าง?
  • ในโลกของเรามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง?

ดูเเล้วง่ายๆ เเต่การบ้านเเบบนี้ผ่านการคิดมาเป็นอย่างดี เพราะเด็กที่ตอบคำถามได้จะต้องช่วยพ่อเเม่ทำงานบ้าน ต้องทำความดี ต้องติดตามข่าวสารรอบตัวทั้งเรื่องท้องถิ่น เรื่องภายในประเทศ ไปจนถึงข่าวต่าวประะเทศ เป็นการฝึกให้เด็กมีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งให้เป็นคนที่ทำความดีทุกๆ วัน

ญี่ปุ่น

เด็กญี่ปเองก็มีการบ้านเหมือนกัน เละยิ่งจะเยอะมากๆ ถ้าเป็น “การบ้านฤดูร้อน” อันนี้เป็นการบ้านที่คุณครูให้ทำช่วงปิดเทอม โดยขึ้นชื่อว่าเยอะมากๆๆ ส่วนการบ้านประจำวันส่วนใหญ่จะเป็นภาษาญี่ปุ่น คณิตศาสตร์ เเละการอ่านหนังสือเตรียมบทเรียนวันพรุ่งนี้

อเมริกา

การบ้านของเด็กอเมริกาค่อนข้างเยอะ เเต่ไม่ใช่ความเยอะเเค่จำนวนเพราะของที่นี่เน้นให้เด็กๆ คิด เเละเขียนออกมา ซึ่งการจะตอบได้ก็ต้องผ่านการอ่านหนังสือมาเยอะ เพราะคำตอบจะเป็นเเนวเอาเนื้อหาในห้องเรียนมาคิด วิเคราะห์ ตีความ หรือที่เรียกกันว่า “Critical thinking” เเต่ก็มีบางรัฐเหมือนกันที่มองว่าเด็กๆ ได้การบ้านเยอะเกินไป เลยสั่งลดการบ้านเเละให้เด็กๆ กลับทำกิจกรรมที่บ้านเยอะขึ้น

ไทย

ต้องยอมรับว่าการบ้านเด็กไทยเยอะมากๆ บางโรงเรียนเรียนวันละ 8 วิชา ก็ให้การบ้านกันทุกวิชาเลย ซึ่งบางทีก็ทำให้เด็กเครียด ทำไม่ทัน หรือลอกกัน มีบางเคสที่ไม่เเน่ใจว่าคุณครูให้การบ้านเด็กเยอะไปหรือเปล่าจนเด็กๆ สับสนเลยทำการบ้านมาตามในลิงค์นี้

แทบกุมขมับ!! 23 ภาพความกวนโอ๊ย ของเด็กไทยเวลาตอบการบ้านและข้อสอบ1! บอกเลยว่าคนเป้นครูต้องน้ำตาไหลแน่!! (ชมภาพ)

การบ้านของเเตละประเทศมีความเเตกต่างกันไป เต่โดยส่วนตัวก็นยังมองว่าจุดที่เหมาะสมที่สุด คือการที่เด็กๆ ได้เรียนรู้ พร้อมทั้งมีความสุขไปพร้อมๆ กันไปด้วยค่ะ 😀

ขอบคุณข้อมูลจาก – manager

 

Writer Profile : Mookky TCN

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



รู้จักกับกระเป๋านักเรียน “รันโดะเซะรุ”
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save