fbpx

6 วิธีรับมือ เมื่อลูกถูกคุณครูรังแก

Writer : giftoun
: 16 พฤษภาคม 2562

การถูกรังแกอาจเกิดขึ้นได้เมื่อลูกเข้าสู่สังคมโรงเรียน นอกจากจะโดนเพื่อนรังแกแล้ว ยังมีโอก่าสที่จะโดนคุณครูรังแกได้อีกด้วย เมื่อลูกถูกคุณครูรังแกแล้วคุณแม่จะรับมือได้อย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

หาสาเหตุของการรังแก

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับลูกมักมีสาเหตุ การที่ลูกโดนคุณครูแกล้งก็มีสาเหตุเช่นกัน ซึ่งสาเหตุนั้นสามารถแบ่งได้ทั้งมาจากคุณครูที่อารมณ์ร้อน ลูกไม่เชื่อฟังคุณครู หรือความไม่เข้าใจกันของคุณครูและลูกจนเกิดปัญหาบางหมางกันขึ้น เมื่อรู้สาเหตุแล้วจะทำให้คุณแม่รับมือกับปัญหาของลูกได้ตรงจุดยิ่งขึ้นค่ะ

พูดคุยกับลูกแบบเปิดใจ

บางครั้งลูกอาจกลัว อายหรือเสียหน้าเมื่อถูกรังแก ยิ่งคนที่รังแกเป็นคุณครูด้วยแล้ว คงไม่กล้าบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้คนอื่นรู้ ดังนั้น คุณแม่จึงควรคุยกับลูกก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้ โดยแสดงให้ลูกเห็นว่า คุณแม่เป็นที่พึ่งพาได้และพร้อมที่จะแก้ปัญหาที่เขาเผชิญได้ค่ะ

เชื่อใจลูก

การเชื่อใจลูกอย่างมีเหตุผลถือเป็นสิ่งสำคัญที่คุณแม่ควรมีให้กับลูก เพราะการเชื่อใจลูกนอกจากเป็นเกราะคุ้มกันลูกด้วยความอบอุ่นอย่างดีแล้ว ยังเป็นวิธีที่ทำให้ลูกเปิดใจ กล้าระบายปัญหาที่เกิดขึ้นให้ฟังมากยิ่งขึ้นค่ะ

พูดคุยกับคุณครูคนอื่น

อันที่จริงถ้าสามารถคุยกับคุณครูที่รังแกลูกโดยตรงได้อาจจะดีกว่า แต่โดยมากจะไม่สามารถคุยได้โดยตรง แนะนำให้คุณแม่ลองคุยกับคุณครูคนอื่นเพื่อหาทางรับมือกับปัญหาต่อไป และยังช่วยให้คุณครูช่วยสอดส่องดูแลลูกอีกแรงด้วยค่ะ

สอนลูกให้รู้จักระวังตัวเอง

การที่คุณแม่สอนลูกให้รู้จักระวังตัวเองเป็นสิ่งที่ควรทำ เด็กส่วนใหญ่ไม่อาจแก้ปัญหาการโดนรังแกได้ด้วยตัวเอง ยิ่งเป็นคนที่โตกว่าอย่างคุณครูด้วยแล้วยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่เลยล่ะค่ะ ดังนั้น คุณแม่จึงควรสอนลูกให้ได้รู้จักระวังตัวเอง เช่น หากลูกต้องไปไหนมาไหนคนเดียว ก็ควรสอนให้เขารู้จักวิธีป้องกันการโดนรังแก ด้วยการหาเพื่อนสักคนให้ไปด้วยกันค่ะ

ขอความช่วยเหลือคนอื่นเมื่อจำเป็น

เมื่อลูกนั้นโดนรังแก คุณแม่ควรสอนให้ลูกแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการบอกลูกให้เดินไปขอคำปรึกษาคนอื่นที่ไว้ใจได้ในยามที่เกิดปัญหา ทั้งนี้อาจจะเป็นเพื่อนๆ หรือครูคนอื่นก็ได้ค่ะ

ปัญหาของการที่ลูกโดนคุณครูรังแกนั้นถือได้ว่าเป็นปัญหาที่ซีเรียสพอสมควร คุณแม่ควรหมั่นสังเกตและติดตามการดำเนินชีวิตในโรงเรียนของลูกอย่างใกล้ชิด หมั่นพูดคุยกับลูกสม่ำเสมอ ทีนี้พอเกิดปัญหาอะไรก็จะแก้ได้อย่างทันท่วงทีแล้วล่ะค่ะ

ที่มา – taamkru

Writer Profile : giftoun


  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ข้อกังวลเมื่อลูกถนัดซ้าย
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
ทำไงดีเมื่อพี่น้องทะเลาะกัน
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
กิจกรรมของครอบครัว กิจกรรมของครอบครัว
20 มีนาคม 2561
ลูกเบื่ออาหาร!!  พ่อเเม่ต้องทำอย่างไร
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
ประโยชน์ของกีฬาสีโรงเรียน
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
เริ่มให้ลูกฝึกปั่นจักรยานตอนไหนดี?
กิจกรรมของครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save