fbpx

คู่มือเลี้ยงลูกในศตวรรษที่ 21 เลี้ยงยังไงให้รอด

Writer : Jicko
: 9 กันยายน 2562

คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมคะว่า การเลี้ยงลูกในสมัยนี้ แตกต่างกับสมัยก่อนอย่างไร?

มันเห็นได้ชัดเลยนะคะว่า สิ่งที่แตกต่างกันนั้นก็คือ เรื่องของเทคโนโลยีค่ะ เราจะเห็นได้ว่าปัจจุบัน เด็กๆ ส่วนใหญ่จะเติบโตมาพร้อมกับอุปกรณ์ และเทคโนโลยีต่างๆ เรียกได้ว่ากินนมไป ดูยูทูปไปเลยก็ว่าได้ค่ะ

การเลี้ยงลูกให้ดำรงชีวิตในยุคนี้และยุคหน้าจึงไม่ใช่เรื่องที่ยากสำหรับคุณพ่อคุณแม่อีกต่อไป เรามาดูกันเลยค่ะว่าการเลี้ยงลูกในศตวรรษที่ 21 เลี้ยงยังไงให้รอดควรจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย

คู่มือเลี้ยงลูกในศตวรรษที่ 21 ที่ทั่วโลกกำลังตื่นตัวอยู่นี้ เด็กๆ ควรจะมีทักษะในการดำรงชีวิตในยุคนี้และยุคหน้าดังนี้

” ทักษะนั้นก็คือ 3R x 7C x 2L “

3R หรือทักษะความรู้ (hard skills) ได้แก่

  • Reading  (อ่านออก)
  • (W) Riting (เขียนได้)
  • (A) Rithmetics (คิดเลขเป็น)

7C หรือทักษะทางอารมณ์ (soft skills) ได้แก่

  • Critical thinking & Problem solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา)
  • Creativity & Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม)
  • Cross-cultural understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์)
  • Collaboration, Teamwork & Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ)
  • Communications, Information & Media literacy (ทักษะด้านการสื่อสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ)
  • Computing & ICT literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร)
  • Career & Learning skills (ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้)

นอกจากนี้ ทักษะ 2L ก็เป็นทักษะที่สำคัญ ได้แก่

  • Learning Skills (ทักษะการเรียนรู้)
  • Leadership (ภาวะผู้นำ)

 

สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้ และนำมาปรับใช้กับลูกๆ 

  1. เด็กแต่ละคน “มีความเฉพาะตัว” ไม่จำเป็นต้องเหมือนเด็กๆ คนอื่น
  2. ความมเร็วในเรื่องพัฒนาการด้านต่างๆ เด็กแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเท่ากันและมักจะไม่เท่ากันด้วย
  3. โดยทั่วไปเด็กเพศหญิง มักจะมีความพร้อมทางสมองเร็วกว่าเด็กเพศชาย เพราะฉะนั้นอย่าได้เผลอเอาลูกมาเปรียบเทียบกัน เมื่อตอนอายุเท่ากัน แต่ก็อาจจะไม่เป็นอย่างนั้นไปซะทุกบ้านนะคะ
  4. ทุกอย่างมีผลกับความเป็นไปในชีวิตของเด็ก ไม่ว่าจะเป็น สิ่งแวดล้อม ลำดับการเกิดของลูก เพศ การเลี้ยงดู ชีวิตพ่อแม่ เป็นต้น

 

สำหรับการเลี้ยงลูกในยุคนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่กล่าวมาข้างต้น คิดว่า เรื่องการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking) และการใช้เทคโนโลยีต่างๆ อย่างรู้เท่าทัน นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเด็กยุคนี้ เพราะปัจจุบัน เด็กๆ ส่วนใหญ่ มักจะเสพข่าว หรือสิ่งต่างๆ จาก โลกไซเบอร์ ในนั้นก็จะมีข่าวจริงบ้าง ปลอมบ้างมากมาย สิ่งนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กยุคศตวรรษที่ 21 นั้นเองค่ะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : THE POTENTIAL , รักลูก , เลี้ยงลูกให้เป็นคนปกติ

 

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save