fbpx

6 วิธีเติมความหวาน หลังจากมีลูกแล้ว

Writer : nunzmoko
: 15 กรกฏาคม 2561

คู่แต่งงานหลายๆ คู่ เมื่อมีลูกน้อยเป็นโซ่ทองคล้องใจ ก็อดไม่ได้ที่จะทำให้เราสนใจแต่ลูกจนอาจหลงลืมคนข้างๆ ตัวไป ด้วยทั้งหน้าที่และความรับผิดชอบต่างๆ ที่มีมากเหลือเกิน ฉะนั้นถ้าเริ่มรู้สึกว่าเราสนใจแต่ลูกมากเกินไป ให้รีบกลับมาเติมความหวานให้ความรักกลับมาสดใสอีกครั้ง มาดูวิธีเติมความหวานให้คู่รักหลังจากมีลูกแล้วกันดีกว่า ว่าจะมีวิธีไหนบ้างค่ะ

1. อยู่กันสองคนบ่อยๆ

พอแต่งงานชีวิตก็มักจะวุ่นขึ้น ในหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบทั้งดูแลบ้าน ดูแลลูก เรื่องโน้น เรื่องนี้ไม่ได้หยุดหย่อน ทำให้คู่แต่งงานที่มีลูกแล้ว หาเวลาอยู่ด้วยกันได้น้อยลง นึกได้อีกทีก็แทบไม่มีเวลาให้สวีทกันเลย ฉะนั้นลองจูงมือกันมาพูดคุยถึงเรื่องของกันและกันบ้าง หาเวลาอยู่กันสองคน จะไปเที่ยว ดูหนัง หรือออกทริปยาวๆ ด้วยกันเลยก็ได้ การอยู่ด้วยกันบ่อยๆ ช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น ให้หวานเหมือนช่วงก่อนแต่งงาน

2. บอกรักกัน

การบอกรักเป็นภาษากายที่ดีที่สุดสำหรับคุณสองคน ไม่ว่าจะเป็นการจูบ การกอด หรือกระชับพื้นที่ในท่าทีต่างๆ ก็ทำให้ความสัมพันธ์แนบแน่นขึ้นทั้งนั้น โดยเฉพาะการบอกรัก ไม่ต้องถี่ ไม่ต้องบ่อย แค่อย่าให้ขาดก็พอ จะบอกกับเจ้าตัวเองหรือลองบอกรักแบบผ่านโซเชียลบ้างก็ดีไม่น้อย

3. เอาใจใส่เรื่องเล็กน้อย 

ถ้าหากเวลาที่จะดูแลกันมีน้อยลงเมื่อมีลูก ไม่ต้องทำเรื่องยิ่งใหญ่ แต่แค่เอาใจใส่หรือทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้กันบ้างก็ชื่นใจแล้ว ลองส่งข้อความหวานๆ หากัน ส่งสติ๊กเกอร์ไลน์ทักว่าเหนื่อยมั้ย อยากกินอะไรหรือเปล่า คิดถึงนะ แค่นี้ก็ทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยขึ้นได้

4. แอบเซอร์ไพรส์ให้ตื่นเต้น 

ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง ใครๆ ก็ชอบเรื่องโรแมนติก ลองทำเซอร์ไพรส์ง่ายๆ เช่น ส่งดอกไม้สักช่อพร้อมการ์ดบอกรัก หรือแอบซื้อของที่อีกฝ่ายอยากได้ พร้อมจองร้านอาหารน่ารักๆ ที่เคยมีความทรงจำดีๆ ร่วมกัน แค่นี้รับรองว่าระดับความรักเพิ่มขึ้นเกินปรอทแน่นอน

5. ถ่ายรูปคู่กันบ้าง

คู่สามี-ภรรยาส่วนใหญ่ก่อนจะแต่งงานกัน จะมีเวลาอยู่ด้วยกันมากกว่าแต่งงานแล้ว แม้จะอยู่ด้วยกันแต่ทำไมกลับใช้เวลาร่วมกันน้อยลง เพราะต่างคนต่างมีหน้าที่ มีภาระที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น เลยทำให้เวลาร่วมกันมีน้อยลง บางคู่ถึงกับแทบไม่มีรูปคู่กันหลังแต่งงานเลย ลองหาเวลามาแชะภาพร่วมกัน เก็บไว้ดูเป็นที่ระลึก หรือแชร์ภาพโชว์ความหวานบ้าง ช่วยทำให้ชีวิตกระชุ่มกระชวยขึ้นได้ค่ะ

6. เสมอต้นเสมอปลาย

รู้ไหมคะ ว่าทำให้การกระทำที่เสมอต้นเสมอปลายเป็นการบ่งบอกอะไรได้หลายๆ อย่าง โดยคุณไม่ต้องแสดงออกมากไปหรือน้อยไปกว่านี้ คนรักของคุณก็จะหลงรักคุณมากขึ้นในทุกๆ วันแล้ว เพราะเค้าหลงรักคุณที่เป็นคุณอย่างไรหล่ะ คุณที่วันแรกยังเป็นยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้น ซึ่งการที่คนเราจะหลงรักคนเดิมซ้ำๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากด้วย หากว่าคนที่เคยทำให้หลงรักยังเป็นคนเดิมอยู่เสมอไม่เคยเปลี่ยน

ความรักจะไม่มีวันหมดโปร ถ้าคู่แต่งงานมีความห่วงใยซึ่งแก่กันและรู้จักเติมความหวานให้รักใหม่อยู่เสมอ ซึ่งมันต้องมาจากทั้งสองฝ่ายด้วย ถ้าช่วยกันเติมเต็มความหวานวันละนิด รับรองว่าชีวิตหลังแต่งงานจะมีความสุขพร้อมๆ กับเจ้าตัวเล็กแน่นอนค่ะ

ที่มา – www.happywedding.life

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



อยากพาลูกไปกางเต้นท์ เตรียมตัวอย่างไรดี
กิจกรรมของครอบครัว
7 เทคนิค พูดยังไงให้ลูกฟัง
ชีวิตครอบครัว
ทำอย่างไรเมื่อลูกรัก “ติดจอ”
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save