fbpx

วิธีพาลูกขึ้นขนส่งสาธารณะครั้งแรก

Writer : giftoun
: 14 พฤศจิกายน 2560

เมื่อลูกโตขึ้นจนถึงวัยที่เข้าโรงเรียนแล้ว เป็นเวลาดีที่เริ่มพาลูกขึ้นขนส่งสาธารณะครั้งแรกแล้ว คุณแม่จะสอนลูกอย่างไรได้บ้าง มาดูกันเลยค่ะ

ควรพาลูกขึ้นหรือลงจากรถ เมื่อรถได้จอดเทียบป้ายแล้ว

การขึ้นและลงรถของลูกนั้น คุณแม่ควรดูแลอย่างใกล้ชิด โดยย้ำกับลูกเสมอว่าให้ขึ้นและลงรถเมื่อรถได้จอดเทียบป้ายแล้วเท่านั้น

ควรให้ลูกนั่งให้เรียบร้อยก่อนรถจะออก

แน่นอนว่าเด็กวัยนี้มักจะเดินเล่นซุกซน อย่างไรก็ตาม เมื่อรถกำลังออกจากสถานีแล้ว คุณแม่ควรให้ลูกนั่งให้เรียบร้อย

ขณะนั่งรถ ไม่ควรชะโงก หรือยืนส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายออกไป

บางทีจะมีหน้าต่างที่ให้มือยืนออกมาได้ คุณแม่ควรดูแลลูกไม่ให้ชะโงกหัวหรือยืนแขนออกไปจากตัวรถเป็นอันขาด

ไม่ควรให้ลูกยืนหรือนั่งขวางประตู หรือเดินเล่นไปมา

การที่ลูกเดินเล่นไปมา หรือยืนขวางประตูนั้น นอกจากจะเป็นอันตรายต่อลูกแล้ว ยังเป็นอันตรายกับคนอื่นที่โดยสารอีกด้วย

อย่าได้วางตาจากลูกโดยเด็ดขาด

เมื่อต้องเดินทางด้วยรถไฟกับลูก ไม่ว่าลูกจะอายุเท่าไรก็ตาม ก็อย่าได้วางตาเด็ดขาด ยิ่งถ้าลูกเล็ก ต้องมีคนประกบด้วยทุกครั้ง เพราะไม่ใช่แค่ประเด็นความปลอดภัยจากอุบัติเหตุเท่านั้น เรื่องมิจฉาชีพ หรือการพลัดหลง หรือการลักพาตัว ก็มีให้เห็นบ่อยครั้ง ฉะนั้นต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มาก

ควรให้ลูกแต่งตัวมิดชิด

ประเด็นนี้สำคัญมาก พ่อแม่ควรให้ลูกแต่งตัวมิดชิด โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง ไม่ใช่แต่งตัวตามสบายหรือนุ่งสั้น พยายามทำให้ลูกติดเป็นนิสัยตั้งแต่เล็ก เมื่อออกจากบ้านต้องแต่งกายไม่เป็นการทำร้ายตัวเอง เพราะเราไม่รู้เลยว่ามีผู้ชายโรคจิตหรือเป็นพวกอาชญากรเมื่อไร บางครั้งการแต่งกายล่อแหลมก็มีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวเอง

อย่าไว้วางใจคนแปลกหน้าเด็ดขาด

ทุกครั้งที่ต้องเดินทาง ต้องบอกลูกว่าอย่าไว้วางใจคนแปลกหน้าเด็ดขาด ฝึกให้มีความระมัดระวังตัวเอง ให้สังเกตเรื่องความปลอดภัย สังเกตที่นั่งของตัวเอง และคนรอบข้างว่าเรานั่งใกล้ใคร และมีใครที่มีพิรุธหรือไม่ หรืออาจจะสมมติสถานการณ์ก็ได้ ว่าหากเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นมา จะหาทางหนีทีไล่อย่างไร

อย่าเอาแต่สนใจมือถือ

ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันเด็กๆ ส่วนใหญ่มักติดสมาร์ทโฟน หรือสนใจแต่กับเครื่องมืออิเลคทรอนิคส์ของตัวเอง จึงทำให้บรรดามิจฉาชีพฉวยโอกาสได้ง่ายที่จะคิดไม่ดี หรือก่อเหตุได้ง่าย เพราะรู้ว่าเด็กไม่ระมัดระวังตัว เพราะฉะนั้นต้องสอนให้ลูกฝึกทักษะการสังเกตสิ่งรอบตัว สังเกตความเป็นไปของผู้คนด้วย

เตรียมอุปกรณ์ของลูกให้พร้อม

ไม่ว่าจะเดินทางไปไหน คุณแม่ควรเตรียมอุปกรณ์ของลูกให้พร้อม เช่น กระเป๋าลูกพร้อม baby wipe ผ้าอ้อมไว้เช็ด เสื้อเปลี่ยนกันซนเเลอะเทอะ หรือแหวะนม ฯลฯ

เอาใจเขามาใส่ใจเรา

อย่าให้คนอื่นรำคาญหรือมองลูกเราด้วยสายตาตำหนิได้ ควรดูแลและสั่งสอนให้ดีๆ จะทำให้ลูกเราน่ารักสำหรับทุกคนได้ค่ะ

และนี่เป็นวิธีพาลูกขึ้นขนส่งสาธารณะครั้งแรก คุณแม่ควรใส่ใจดูแลไม่ว่าจะพาลูกไปไหน เพราะลูกสามารถอยู่เหนือการควบคุมได้ทุกเมื่อถ้าอยู่คลาดสายตา

ที่มา

 

Writer Profile : giftoun


  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



กิจกรรมของครอบครัว กิจกรรมของครอบครัว
19 พฤศจิกายน 2560
5 พิพิธภัณฑ์ของเล่น ที่เหมาะพาลูกไปเที่ยว
กิจกรรมของครอบครัว
กิจกรรมช่วงปิดเทอมสำหรับเด็ก
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save