fbpx

เคล็ด(ไม่)ลับ ดูแลผิวบอบบางของทารกให้ถูกสุขลักษณะ

Writer : giftoun
: 21 มกราคม 2562

การดูแลผิวบอบบางของทารกให้ถูกสุขลักษณะนั้นถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก มาดูเคล็ดไม่ลับสำหรับการดูแลผิวลูกน้อยสำหรับคุณแม่มือใหม่กันดีกว่าค่ะ

ไม่ใส่เสื้อผ้าหรือห่อตัวลูกด้วยผ้าที่หนามากเกินไป

คุณแม่ไม่ควรใส่เสื้อผ้าหรือห่อตัวลูกด้วยผ้าที่หนา หรือมากเกินไป เพราะจะทำให้อุณหภูมิร่างกายของลูกสูงขึ้น เกิดการขับเหงื่อออกมาเพื่อลดอุณหภูมิของร่างกาย บางครั้งต่อมเหงื่อเกิดการอุดตัน ขับเหงื่อออกมาได้ไม่ดีพอ ก็จะทำให้เกิดเป็นผดร้อน เป็นตุ่มแดงเล็กๆ ตามมาได้ ทางที่ดีคุณแม่ควรให้ลูกน้อยใส่เสื้อผ้าที่ใส่สบายและระบายอากาศได้ดีค่ะ

ไม่อยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนมากเป็นเวลานาน

ไม่อยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนมากเป็นเวลานาน เพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดความร้อนจนต้องขับเหงื่อออกมามากและเป็นสาเหตุให้เกิดผดร้อนตามมาได้ค่ะ หรือถ้าจำเป็นต้องอยู่กลางแจ้ง อาจจะกางร่มให้ลูกน้อยและถ้ากลับถึงบ้านก็รีบอาบน้ำให้สดชื่นนะคะ

อาบน้ำให้ลูกน้อยเช้าเย็น

คุณแม่ควรอาบน้ำให้ลูกน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรก เหงื่อไคลในแต่ละวัน แถมให้ลูกน้อยมีผิวที่สะอาดและมีสุขอนามัยที่ดีอีกดวยนะคะ

เปลี่ยนผ้าอ้อมทันทีที่ลูกถ่ายอุจจาระ

เมื่อลูกถ่ายอุจจาระแล้วควรเปลี่ยนผ้าอ้อมทันที เพราะอุจจาระมีความเป็นกรด เมื่อทิ้งให้สัมผัสผิวเป็นเวลานานจะทำให้ผิวแดงอักเสบเป็นแผลก็เป็นได้ ยังไงคุณแม่ลองหมั่นสังเกตผ้าอ้อมของลูกน้อยให้ดีๆ นะคะ

เปลี่ยนผ้าอ้อมทุกครั้งเมื่อมีความเปียกชื้น

ความชื้นเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อันตราวกับผิวที่บอบบางของลูกน้อย คุณแม่ควรเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกทุก 3-4 ชั่วโมง หรือเมื่อมีความเปียกชื้น โดยคอยสังเกตเปิดดูผิวสัมผัสของผ้าอ้อมบ่อยๆ หรือเลือกใช้ผ้าอ้อมที่มีแถบแสดงความชื้นเป็นตัวช่วยเตือนให้คุณแม่สามารถเปลี่ยนผ้าอ้อมได้ทันทีเมื่อเปียกชื้นค่ะ

ทาครีมกันผื่นผ้าอ้อมทุกครั้งที่เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก

ครีมกันผื่นผ้าอ้อมจะช่วยเคลือบผิวลูกน้อย ลดการระคายเคืองผิวจากการสัมผัสอุจจาระและปัสสาวะ แต่ต้องระวังที่จะไม่ทามากจนเกินไปเพราะจะไปทำให้ต่อมที่ผิวอุดตันจนเกิดผดผื่นตามมาได้ ควรท่าแต่พอดีค่ะ

ระบายอากาศให้ผิวลูกน้อย

คุณแม่ควรระบายอากาศให้ผิวลูกน้อย ด้วยการเว้นจากการใส่ผ้าอ้อมบ้างเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ในแต่ละวัน เช่น 10-15 นาทีหลังจากเปลี่ยนผ้าอ้อมเก่าออก จะช่วยให้ผิวของลูกน้อยมีการระบายอากาศไม่อับชื้นได้ง่ายค่ะ

หลีกเลี่ยงการให้คนอื่นสัมผัสลูกน้อย

หลายครั้งที่มีคนหมั่นเขี้ยวลูกจนมีการสัมผัสบ้าง จุ๊บบ้าง อาจทำให้ระคายเคืองต่อผิวบอบบางของลูกน้อยได้ ถ้าเป็นไปได้หลีกเลี่ยงการสัมผัสจากคนอื่นจะดีกว่า หรือถ้าจำเป็นก็ขอให้ล้างมือก่อนนะคะ

ผิวของลูกน้อยนั้นบอบบางมาก คุณแม่ควรหมั่นดูแลให้ดี จะได้ถูกสุขลักษณะค่ะ

ที่มา – babylove

Writer Profile : giftoun


  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



อยากพาลูกไปกางเต้นท์ เตรียมตัวอย่างไรดี
กิจกรรมของครอบครัว
วิธีพาลูกขึ้นขนส่งสาธารณะครั้งแรก
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save