fbpx

เหตุผลที่ทำให้การศึกษาของฟินแลนด์ประสบความสำเร็จ เด็กๆ แฮปปี้

Writer : Jicko
: 26 ธันวาคม 2562

การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กๆ และประเทศหนึ่งที่ถูกยกย่องว่าเป็นประเทศที่ถูกยอมรับว่ามีคุณภาพด้านการศึกษาที่ดีที่สุดประเทศหนึ่งในโลก นั้นก็คือประเทศ “ฟินแลนด์” ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าระบบการศึกษาของประเทศนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ เพื่อเด็กๆ ในประเทศของเขา นอกจากนี้ยังมีเรื่องของบรรยากาศการเรียนการสอนในห้องเรียนที่เหมาะสม ที่เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การศึกษาของเขาประสบความสำเร็จอีกด้วย

วันนี้ Parentsone จะพาคุณพ่อคุณแม่มาดูกันว่า เหตุผลอะไรที่ทำให้การศึกษาของประเทศฟินแลนด์ประสบความสำเร็จกัน จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

ระบบการศึกษาของฟินล์แลนด์

  • เริ่มตั้งแต่ Daycarez หรือศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสำหรับเด็กอายุ 8 เดือน – 5 ปี

ถือว่าเป็นช่วงที่สำคัญที่สุด เพราะมันสามารถส่งผลต่อเนื่องไปยังอนาคตของเด็กได้ ดังนั้นชาวฟินแลนด์ส่วนมากจะเริ่มต้นศึกษาตั้งแต่ Daycare แต่ก็มีพ่อแม่บางคนที่เป็นห่วงความปลอดภัยของลูก ก็มีอีกทางหนึ่งให้เลือกเหมือนกันนั้นก็คือ การดูแลลูกอยู่ที่บ้าน โดยเปลี่ยนบ้านให้เป็น Daycare ซึ่งทางเทศบาลจะมีงบประมาณสนับสนุนให้กับพ่อแม่ที่ปรับปรุงบ้าน และจะมีการไปตรวจตราตลอดเกี่ยวกับผลสำเร็จในการจัดการศึกษาที่เกิดขึ้น

  • โรงเรียน Pre-School / Kindergarten เมื่อเด็กอายุครบ 6 ปี

เป็นโรงเรียนเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียนในระดับประถมศึกษา โดยจะมีการเรียน อ่าน เขียน อย่างจริงจัง ควบคู่ไปกับการฝึกให้เป็นคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตน และเข้าใจในความต้องการของผู้อื่น และมีทัศนคติในแง่บวกต่อคนรอบข้างและวัฒนธรรมอื่นๆ

  • อายุครบ 7 ปี ต้องเข้าศึกษาในภาคบังคับ 

ในระดับนี้เรียกว่าประมาณ ป.1 – ม.3 ของไทย ซึ่งใช้เวลาทั้งหมด 9 ปี เรียกว่าเกรด 1-9 ซึ่งโรงเรียนส่วนมากในประเทศฟินแลนด์จะเป็นโรงเรียนรัฐบาล และไม่มีการเก็บค่าใช้จ่าย ส่วนโรงเรียนเอกชนก็มีนะคะ แต่ค่อนข้างน้อย แต่ก็ไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายเช่นกัน นอกจากนี้โรงเรียนในฟินแลนด์จะไม่มีหลักสูตรสำหรับเด็กที่มีความสามารถพิเศษด้านใดด้านหนึ่งในช่วงนี้ เพราะถือว่า ทุกคนควรได้รับการพัฒนาไปพร้อมกันอย่างเท่าเทียม และมีการให้ความสำคัญ “เด็กอ่อนมากกว่าเด็กที่เรียนเก่ง” นั้นเอง

ส่วนบรรยากาศในห้องเรียนนั้น ห้องเรียนหนึ่งจะมีนักเรียนไม่เกิน 20 คน และสัปดาห์หนึ่งเรียน 4 – 11 วิชา และเรียนไม่เกินวันละ 5 ชั่วโมง อีกด้วย และการจบเกรด 9 ก็ถือว่า เป็นการจบการศึกษาแบบภาคบังคับ ส่วนใครจะศึกษาต่อหรือไม่ก็ได้ไม่มีการบังคับกัน

 

สาเหตุที่ทำให้การศึกษาประสบความสำเร็จ

  • เน้นเล่นมากกว่า

ที่เน้นมากกว่าก็เพราะเขาคิดว่า เด็กๆ สามารถเรียนรู้ได้ดี ผ่านการเล่นและการค้นพบด้วยตัวเอง คุณครูที่นั้นจึงอนุญาตให้เด็กๆ ได้เล่นได้อย่างสนุกสนาน จึงไม่แปลกที่จะเห็นเด็กมัธยมนั่งเล่นวีดีโอเกมอยู่ที่ Studunt center นั้นเอง

  • สบายๆ กับการสอบ

ที่ประเทศฟินแลนด์จะไม่ได้เอาเป็นเอาตายเรื่องการสอบ เพราะเขาเชื่อว่า หากนักเรียนเตรียมตัวจนไม่มีเวลา จะทำให้ไม่มีเวลาคิดอย่างอิสระ แต่จะมีการประเมินความรับผิดชอบของเด็กตลอดการเรียนการสอนแทนนั้นเองค่ะ

  • ความเชื่อใจสุดๆ

เพราะรัฐบาลของฟินแลนด์เชื่อมั่นในเขตการปกครองย่อยๆ ของตัวเอง และหน่วยปกครองย่อยก็เชื่อมั่นในโรงเรียน รวมไปถึงครูก็ไว้ใจนักเรียน ผู้ปกครองก็เชื่อมั่นในความสามารถของครู เท่ากับอาชีพของแพทย์เลยทีเดียว

  • โรงเรียนไม่แข่งขันกันเอง

ที่ประเทศไทยจะแตกต่างกันมากหากสังเกตดู เราจะมีการจัดอันดับโรงเรียนที่ดีที่สุด นักเรียนสอบได้คะแนนมากที่สุด ซึ่งแตกต่างจากประเทศฟินแลนด์ที่แต่ละโรงเรียนจะไม่มีการแข่งกันเอง ไม่มีการจัดอันดับโรงเรียน เพราะเชื่อว่าทุกโรงเรียนนั้นมีดีเท่ากันนั้นเอง

  • คัดเลือกคุณครูเป็นอย่างดี

ถือว่าเข้มงวดมาก ในการคัดเลือกคุณครูแต่ละคน ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ครูได้รับความไว้วางใจเพราะการที่จะเป็นครูได้นั้น จะต้องเป็นคนที่เก่ง และมีด้านศีลธรรมที่ดี และต้องจบปริญญาโทเท่านั้นถึงจะเป็นคุณครูของประเทศฟินแลนด์ได้

  • เวลาส่วนตัวของเด็กนั้นสำคัญ

เพราะทุกๆ 45 นาที เด็กจะมีสิทธิได้พักผ่อนส่วนตัวในเวลา 15 นาทีตามกฎหมาย เพราะเขาเชื่อว่า การเรียนรู้นั้นจะสำเร็จได้ ผู้เรียนจะต้องได้รับการพักผ่อนและผ่อนคลายอย่างเป็นช่วงเวลานนั้นเอง

  • ไม่ตีกรอบเรื่องการเรียน

เด็กที่นั้นไม่ต้องเข้าเรียนจนถึงอายุ 7 ขวบ กันเลยนะคะ และระยะเวลาในการเรียนก็ต้องไม่ยาวนานจนเกินไปด้วย เช่น ระดับประถมศึกษาจะเรียนกันประมาณ 4 – 5 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้นเอง

  • เน้นคุณภาพชีวิต

เพราะระบบการศึกษาฟินแลนด์เชื่อว่า ครูที่มีความสุข คือ ครูที่ดี และครูที่ทำงานหนัก ไม่ใช่ครูของพวกเรา และคุณครูที่นั้นก็จะสอนกันประมาณ 20 ชั่วโมง ต่อ สัปดาห์ เท่านั้นเองค่ะ

  • ได้รับการยอมรับอย่างเท่าเทียม

เรียนสายไหน ก็ได้รับการยอมรับ เพราะหลังจากอายุ 16 ปี เด็กๆ สามารถเลือกได้ว่าจะต้องการเรียนสายไหน ไม่ว่าจะเป็นสายสามัญหรือสายอาชีพ ซึ่งทั้งหมดจะได้รับการยอมรับสูงในสังคมฟินแลนด์ และสามารถนำไปต่อยอดในการเรียนต่อในมหาวิทยาลัยต่อไปได้ด้วย

  • มีมาตรฐานเดียวกัน

ระบบการศึกษาของฟินแลนด์จะมีมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งคุณครูจะเป็นผู้สอนตามหลักสูตร และตามที่ครูจะสร้างสรรค์ขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ

  • ไม่ใช้เกรดมาเป็นตัวแบ่ง

เพราะที่นี่จะเน้นเรื่องการเรียนรู้มากกว่า จะไม่มีการตัดสินโดยการนำเอาผลการเรียนมาเป็นตัวแบ่งแยกเด็กว่าใครเก่งหรือไม่เก่ง ทุกคนเท่าเทียมกัน แต่จะเน้นเด็กที่อ่อน โดยการช่วยสงเสริมเขาในทางที่ดีขึ้นมากกว่าสนใจเด็กเก่ง

  • จริยธรรมต้องมี

เด็กๆ จะได้รับการสอนเรื่องจริยธรรมตั้งแต่ยังเล็ก แม่จะเรียนอยู่ในห้องเรียนแล้วก็ตาม ถึงแม้จะมีเด็กนักเรียนบางคนที่ไม่ได้นับถือศาสนา ก็จะต้องเข้าเรียนวิชาจริยธรรมด้วยนั้นเอง

  • สิ่งแวดล้อมนั้นสำคัญ

การจัดสิ่งแวดล้อมที่ดี ก็ถือเป็นการกระตุ้นให้เด็กๆ อยากที่จะเรียนรู้ยิ่งขึ้น โดยที่ฟินแลนด์จะให้แต่ละห้องมารวมกันในพื้นที่หนึ่งๆ เพื่อให้เด็กต่างระดับชั้นได้มารู้จัก เรียนรู้ และแลกเปลี่ยนกัน รวมถึงคุณครูก็ยังได้ร่วมช่วยเป็นที่ปรึกษาให้เด็กเหล่านั้นอีกด้วย

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save