fbpx

พูดแบบไหนทำให้ลูกฟังมากกว่ากัน ความแตกต่างระหว่าง You vs I Message 

Writer : Lalimay
: 12 พฤศจิกายน 2563

ไม่ว่าจะพูดอะไรลูกก็ไม่ยอมฟัง จะทำอย่างไรดี? คุณพ่อคุณแม่หลายๆ บ้านน่าจะเคยเจอปัญหานี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างความปวดหัวและทำให้เรากับลูกทะเลาะกัน นั่นอาจทำให้เราต้องกลับมามองตัวเองว่า สิ่งที่เราพูด ทำให้ลูกรู้สึกต่อต้านรึเปล่า เรากำลังพูดด้วย You Message รึเปล่า วันนี้เราจึงมีเทคนิคการพูดที่เรียกว่า I Message มาฝากคุณพ่อคุณแม่ทุกคนค่ะ

ลักษณะการพูด

You message : พูดถึงการกระทำของลูก

พูดโดยมุ่งไปที่การกระทำของลูก ตำหนิหรือชี้ว่าลูกเป็นคนผิด แฝงด้วยอารมณ์ด้านลบและความรู้สึกไม่พอใจ มักขึ้นต้นประโยคด้วย “ทำไม” 

I Message : พูดถึงความรู้สึกของตัวเอง

บอกความต้องการและความรู้สึกต่อพฤติกรรมที่ลูกทำ หรือพูดสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้น โดยไม่ใช้อารมณ์ หลีกเลี่ยงการหาคนผิด มักขึ้นต้นประโยคด้วย “แม่อยาก…”

ความรู้สึกเมื่อได้ฟัง

You message

ลูกรู้สึกถูกต่อว่าหรือถูกกล่าวหา สูญเสียความมั่นใจ คิดว่าตัวเองเป็นตัวปัญหา รวมไปถึงพูดย้อนเพื่อป้องกันตัวเอง ทำให้รู้สึกต่อต้านไม่อยากทำในสิ่งที่พ่อกับแม่สั่งให้ทำ

I Message

ลูกรับรู้ถึงความห่วงใย เพราคำพูดที่สร้างความรู้สึกนุ่มนวล ให้ผลด้านบวก ทำให้ลูกคล้อยตามและเชื่อฟังได้มากกว่า

ตัวอย่างประโยค

You message

  • เมื่อไหร่จะไปอาบน้ำ พูดกี่รอบแล้วเนี่ย
  • ทำไมไม่ทำการบ้านสักที
  • ทำไมพูดจาไม่น่ารักเลย

I Message :

  • แม่อยากให้หนูไปอาบน้ำ จะได้สบายตัว
  • แม่จะดีใจมากถ้าหนูทำการบ้านเสร็จนะ 
  • แม่เสียใจที่หนูพูดแบบนี้

จะเห็นได้ว่าการเลือกใช้วิธีพูดมีผลต่อความรู้สึกของคนฟังเป็นอย่างมาก การเลือกใช้ I Message ย่อมทำให้ลูกรู้สึกเปิดใจ และรับฟังเรามากกว่า ถึงแม้เทคนิคนี้อาจฟังดูยาก แต่ถ้าเราตั้งสติก่อนพูด เลือกใช้คำพูดที่แสดงความรู้สึกของเรามากกว่าตำหนิลูก รับรองว่าการสื่อสารภายในบ้านจะเป็นไปด้วยความเข้าใจอย่างแน่นอนค่ะ

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ถ้าลูกเราเปลี่ยนไป
ไลฟ์สไตล์
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save