fbpx

ครอบครัว Rockey Journey เลี้ยงลูกให้เติบโต พร้อมผจญภัยในแบบธรรมชาติ

Writer : Mookky TCN
: 6 กรกฏาคม 2561

ถ้าพูดถึงเพจครอบครัวแสนน่ารักอบอุ่น อีกเพจที่เรานึกถึงก็คือ Rocky Journeyของคุณแม่อาย คุณพ่อจักร และน้อง “ร็อค” ลูกชายคนแรกของทั้งคู่ ที่ถูกเลี้ยงขึ้นมาด้วยความรักตั้งแต่อยู่ในท้อง เรามาดูแนวคิดในการเลี้ยงลูกของครอบนี้กันดีกว่า ว่าใช้วิธีไหนน้องร็อคถึงได้เป็นเด็กร่าเริงสดใส มีความสุข และดูเป็นธรรมชาติแบบนี้

ความรู้สึกของการมีลูก

แม่อาย: มันคือความตื่นเต้นแล้วก็ตกใจแพนิคว่าจะทำได้ดีไหม ในตอนนั้นแต่งงานแล้วก็มีน้องเลย เพราะที่บ้านเป็นคนจีนก็จะมีความเชื่อเรื่องดวงหน่อย ซึ่งตอนนั้นเป็นปีมะแม และเขาอยากให้มีแพะ 3 ตัวอยู่ในบ้าน(หัวเราะ)

ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไปเยอะไหม

คุณพ่อคุณแม่: เปลี่ยนไปทุกเรื่องเลยตั้งแต่ลืมตาตื่นไปจนถึงเข้านอน มันก็เป็นเรื่องยาก เพราะครั้งแรกเรายังไม่รู้จักลูกดี มีแต่ความรักและรู้ว่าเขาเป็นลูกเรา แต่ยังไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แรกๆ ไม่ได้มีเวลาให้ตัวเองเท่าไหร่ แต่มานั่งคิดว่าเราไม่อยากทิ้งหน้าที่อะไรไป ทั้งหน้าที่สามี ภรรยาต่อกันที่ต้องดี และหน้าที่ของพ่อแม่ที่มีต่อลูก

สอนลูกให้เข้าใจ

คุณพ่อคุณแม่: พ่อแม่รักลูกอยู่แล้วแน่นอน แต่เราไม่ได้รักในแนวตามใจทุกอย่างนะ เป็นประเภทที่แบบคิดว่าครอบครัวกับพ่อแม่ควรไกด์ไลน์ เพราะในตอนเด็กๆ ทำอะไรก็น่ารัก ขนาดลูกเดินชนโต๊ะยังตีโต๊ะแล้วบอกว่าโต๊ะผิดเลย

การเลี้ยงของเราจะบอกทุกคนว่าถ้าหลานทำอะไรผิดให้บอกเลยนะ เพราะในวัย 2 ขวบมันยังดูน่ารัก แต่พอ 4 ขวบ เข้าโรงเรียนอนุบาลก็จะกลายเป็น “เด็กคนนี้นิสัยเสียจังเลย” ทั้งๆ ที่เขาก็ทำเหมือนเดิม แต่เพราะไม่มีใครบอกว่ามันผิดนะ

“ร็อค” เป็นเด็กที่มีน้ำใจ

แม่อาย: คิดว่าเขาซึมซับจากคนรอบตัว เพราะเราจะพยายามสอนแบบ “ช่วยกันลูก” หรือ “แบ่งกันนะ” ตอนแรกเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำว่า “แบ่ง” แต่พอหลังๆ เขาก็จะเริ่มเข้าใจ เช่น กินเค้กแล้วอร่อยก็จะชอบถามคนอื่นว่า “หม่าม้ากินมั้ยครับ” “พี่กินมั้ยครับ”(ยิ้ม)

เป็นแม่ที่ชอบทำอาหาร

แม่อาย: จริงๆ เป็นคน “ชอบทำอาหาร” อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนมีลูก แต่ก็ไม่ได้บ่อย ราจะไม่ใช่สายประดิษฐ์ประดอยให้สวยมากมาย แต่จะเน้นมีความสุขที่ได้ทำ แล้วพอมีน้องจะเริ่มใส่ใจ เริ่มศึกษามากขึ้น

ถ้าสับสนไม่รู้จะเริ่มต้นแบบไหน

ไม่ยากเลย อยากให้เชื่อคุณหมอ เพราะเด็กแต่ละคนมีกายภาพกับสุขภาพที่แตกต่างกัน ให้เริ่มอาหารตามที่คุณหมอบอกเลย โดยเริ่มง่ายๆ คือ อาหาร 5 หมู่ แบบไม่ปรุงรส เพราะตัวข้าว เนื้อสัตว์ ไข่ มันมีรสอยู่เเล้ว ซึ่งผู้ใหญ่อาจจะรู้สึกว่าไม่อร่อยนะ เพราะติดการปรุงรสด้วยซอส ซีอิ๊ว(หัวเราะ) แต่อย่างเด็กเขาไม่ทราบหรอก อย่างถ้าไม่เคยกินเค้กเขาก็จะไม่รู้ว่าเค้กอร่อย แต่ถ้าเกิดมีวันไหนยายให้กินก๋วยเตี๋ยวก็จะมีเปรียบเทียบรสชาติละ(หัวเราะ)

วิธีบริหารความเครียดในการเลี้ยงลูก

แม่อาย: ไม่ว่าเราทำงานอะไร ถ้าเราเลี้ยงลูกเองมันก็จะมีความเครียด ความกดัน ว่าเขาจะเป็นยังไง จะป่วยไหม อีกอย่างคือกดดันจากคนรอบข้าง อันนี้กดดันมากกว่าการเลี้ยงลูกอีก สิ่งที่บริหารความเครียดของอายได้ก็คือ “สามี” เพราะถ้ารู้สึกว่าไม่ต้องการคนมากมาย แค่สามีเราเข้าใจเรามันก็พร้อมที่จะชนทุกๆ ปัญหา เหมือนเขาเข้าใจว่าเรื่องเกิดเพราะอะไร แล้วก็เป็นตัวกลางในการสื่อสารทุกเรื่อง

พ่อจักร: เพราะบางทีมันละเอียดอ่อนในการทีเขาจะไปพูดกับพ่อแม่เรา เราต้องแบ่งแล้วหาจุดร่วมกัน อย่างบางทีมีเรื่องทำไมไม่กินกล้วย แต่เราผ่านมาแล้ว ตอนนี้ก็ข่าวเด็กกินกล้วยเยอะ ก็เลยต้องคุยว่าขอ 6 เดือนก่อนแล้วกัน เหมือนแบ่งกันคนละครึ่งทาง

แม่อาย: ตอนแรกก็ยังไม่เชื่อเต็มร้อย แต่ประเด็นมาจากนมแม่ เขาคิดว่าทำไมเราต้องตื่นมาปั๊มนมเหนื่อยๆ เพราะเราโตมากับนมผง แล้วการที่เราให้นมแม่ทำให้น้องไม่เคยป่วยหนักเลย เหมือนเป็นการยืนยันกับเขา แล้วทำให้เขาเริ่มเชื่อ

คุณพ่อช่วยดูแลลูกเยอะไหม

แม่อาย: เขาทำได้ทุกอย่างยกเว้นปั๊มนมค่ะ (หัวเราะ) เหมือนเป็นสิ่งซัพพอร์ตจิตใจด้วย ที่เขาเข้าใจว่าเราปั๊มนมไปทำไม ทำอาหารไปทำไม ทำไมไม่ซื้อเอา เป็นเรื่องเล็กๆ ที่เข้าใจกัน

พ่อจักร: โชคดีที่เป็นคุณพ่อฟูลไทม์ตอนน้องเกิด เพราะที่บ้านเป็นบริษัท แค่เดินลงไปทำงานก็เสร็จแล้วก็ขึ้นมาดูลูกได้แล้ว

ติดตามสื่อไหนเป็นพิเศษ

แม่อาย: ชอบที่สุดคือแนวของคุณหมอแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ เราเลี้ยงตามแนวของคุณหมอประเสริฐเลย ให้เขาเล่นให้เต็มที่ เพราะการเล่นเป็นการเรียนรู้ที่ดีที่สุด ทุกวันนี้เรายังไม่เคยจับมือร็อคให้ฝึกเขียนเลย เพราะคิดว่าอยากให้เขาจับเอง ด้วยมันยังไม่ถึงวัย อย่างตอนนี้ให้ปั้นแป้งโดว์ เล่นทราย ไปก่อน

วิธีทำให้ชีวิตคู่แฮปปี้

พ่อจักร: ของเราตามเพจเลยนั่นคือ ” การท่องเที่ยว” เราพยายามจะหาทริปไปกัน มันไม่ใช่แค่พาลูกเที่ยวแต่เป็นการไปเที่ยวด้วยกัน เพราะมันมีความกดดันหลายอย่าง เพราะงั้นการไปเที่ยวก็คือการบำบัดของเรา เพราะการพาลูกไปเที่ยวมันเหนื่อยนะ แต่พอกลับมาก็มีความสุข (ยิ้ม)

แม่อาย: สำหรับเราไม่ใช่ว่าให้ลูกไปแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่การเป็นสามีภรรยาก็ยังต้องมี มันไม่ใช่แบบหันกลับมาอีกทีคือ “ฉันไม่รู้จักเธอ” ไปแล้ว
พ่อ: ถึงจะไม่ทุกอาทิตย์แต่ก็จะต้องมีช่วงเวลาที่ไปดูหนังกันสองคน เพราะเป็นคนชอบดูหนังกันทั้งคู่ ถ้าเมื่อก่อนดูหนังบ่อย ตอนนี้ก็อาจจะอยู่บ้านดูซีรีส์เยอะๆ แทน(หัวเราะ)

คำแนะนำถึงคุณพ่อคุณแม่ที่อ่านอยู่

  1. สำหรับบเราลูกก็เป็นทุกอย่าง แต่อย่าลืมำว่า “ครอบครัว” ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการแต่งงานมีลูกจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องของคนสองคนแล้ว แแต่มันต้องปรับตัวทั้งสองฝ่าย ทั้งพ่อแม่เราและพ่อแม่เขา
  2. เลี้ยงลูกให้เป็นคนธรรมดาที่มีความสุข ไม่ต้องคาดหวังเยอะ เพราะความคาดหวังทำให้ไม่มีความสุข สมมติเราอยากเป็นสัตว์แพทย์มากเลย แต่เราเลือกเรียนนิเทศศาสตร์ แล้วทำไมเราต้องให้ลูกไปเรียนสัตว์แพทย์ล่ะ ลูกไม่ใช่ตัวแทนความฝันของเรา ให้เขาได้ใช้ชีวิตของเขา เพราะการเป็นตัวเองจะเป็นได้ดีที่สุด
  3. เราจะสอนให้เขารู้จักเพื่อน ไม่ได้บอกให้ลูกต้องคบคนดี คนรวยแต่จะบอกให้ไปเจอเอง แล้วถ้ารู้ว่าเพื่อนคนนี้ดี ก็ไม่มีข้อแม้แค่ “ดีกับเขา” อยากให้เขาเก็บรักษาไว้ เพราะวันนึงเราก็ไม่อยู่หรอกที่จะดูแลเขา
  4. เลี้ยงลูกด้วยสัญชาติญาณความเป็นแม่ บางทีมันไม่ต้องตรงตามตำราทั้งหมด เพราะการเลี้ยงลูกเป็นศิลปะ แบบการเปรียบเทียบกับคนอื่น เราก็เคยเครียดมาก่อนจนในที่สุดก็เข้าใจ ให้ใช้เซ้นส์นี่แหละ เพราะเรามีความรักลูกอยู่แล้วไม่ต้องเครียดเยอะ
  5. ทางที่ดีควรสอนลูกตั้งแต่แรก อย่างเวลากินข้าวก็ต้องกิน ถ้าหนูไม่กินหนูจะหิวนะ หนูต้องรอจนไปถึงเวลากินข้าวอีกครั้งนึง เราไม่เคยตามป้อนเขา แต่ให้อยู่บโต๊ะเล็กๆ แล้วหัดกินเอง ทำให้ตอนนี้เขาก็รู้ว่ากินข้าวต้องนั่งโต๊ะ หรือขึ้นรถต้องนั่งคาร์ซีท ที่ตอนแรกที่ร้องไห้หนักมาก เป็นการให้ลูกเรียนรู้จัดการความทุกข์ของตัวอง ว่าเขาจะร้องต่อไปหรือจะเริ่มปรับตัว แต่เราก็จับมือเขาอยู่ข้างๆ กันนะ

หลังจากได้พูดคุยกับครอบครัว Rockey Journey ก็ได้สัมผัสถึงความหมายของคำว่า “ครอบครัว” ที่พวกเขาให้ความสำคัญ และเข้าใจว่าการมีครอบครัวที่น่ารักได้นั้น เป็นสิ่งที่ต้องบรรจงสร้างร่วมกันทั้งพ่อแม่และลูก

Writer Profile : Mookky TCN

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์
เคยกลับบ้านมาแล้วกรี๊ดลั่นบ้านเพราะเจ้าตัวแสบไปวิ่งเล่นเลอะเทอะกันไหมคะ ? หรือแต่งตัวลูกอย่างดีไปทานข้าวนอกบ้าน แต่คุณลูกก็ทำซอสหกใส่ ไอติมหล่นไปเป็นก้อน เละทั้งตัว วันนี้ ParentsOne มีเสื้อเด็กที่เจ๋งมากๆ จาก GQ : the good day lab™ มาลองรีวิวให้ได้ชมกันค่ะ 🛒 ช้อปเลยที่ -> https://gqsize.link/bZT7Sx แกะกล่อง GQ : the good day lab™ เสื้อเด็ก ฟีเจอร์เพียบ คุณภาพ GQ ขึ้นชื่อว่า GQ ก็มั่นใจได้เรื่องคุณภาพค่ะ ผ้านุ่ม เบาบาง เหมาะกับอากาศเมืองไทย ใส่วิ่งสบายๆ ที่แปลกตาคือเป็นเสื้อที่ไม่มีป้ายแท็กค่ะ ทั้งด้านหลังคอเสื้อ หรือข้างใน ไม่ต้องห่วงว่าจะเคืองหรือคันเลย กระดุมแข็งแรงเอามากๆ ใช้แรงผู้ใหญ่ดึงแรงๆ ก็ไม่มีปัญหาเลย ไฮไลท์สำคัญที่คุณแม่แทบกรี๊ด คือเป็นไม่เปื้อนค่าาาา เทน้ำ เทนมใส่เสื้อ ไม่เปียกเลย สะบัดสองที หายปกติ ซึ่งถ้าใครเคยเห็นโฆษณา GQ ที่เสื้อเชิ้ตขาวไปทำงานคุณพ่อ โดนกาแฟหกใส่ แต่ผ้าไม่เปื้อนเลย เทคโนโลยีผ้าสะท้อนน้ำ ตอนนี้มาอยู่ในเสื้อเด็กแล้ววววว ทีมงานทดสอบเทน้ำสีผสมอาหาร นม หรือแม้แต่ซอสมะเขือเทศลงบนเสื้อ ก็ไม่เปื้อนค่ะ ไม่น่าเชื่อมากๆ ข้อดีที่สุดของผ้าแบบนี้ คือทำให้ชีวิตคุณแม่สบายขึ้นมาก พาลูกไปเที่ยว วิ่งเล่นสนามหญ้า พาไปทานก๋วยเตี๋ยว หรือให้ทานอะไร ก็ไม่ต้องกลัวเสื้อสวยๆ เลอะ แถมประหยัดเวลาซักผ้าด้วย ไม่ต้องมาคอยแช่ผ้าให้คราบมันออกแบบสมัยก่อน สำหรับเสื้อเด็ก the good day lab™…
8 ธันวาคม 2566

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save