fbpx

รวม 20 ปัญหาความเครียดของคนเป็นแม่...ใครบอกเป็นแม่คนแล้วจะสบาย

Writer : Mneeose
: 12 พฤศจิกายน 2561

ไหนใครบอกว่าเป็นแม่คนแล้วจะสบาย เพราะมันช่างตรงกันข้ามกับความเป็นจริงเลยค่ะ การมีลูกสักคนเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของคนเป็นพ่อเป็นแม่คน เพราะเราต้องรับผิดชอบและดูแลใครสักคนให้มีชีวิตที่ดีที่สุด วันนี้เราขอรวบรวม 20 ปัญหาความเครียดของคนเป็นแม่ ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง พร้อมคำแนะนำดีๆของเราค่ะ

1. ความมั่นคงทางการเงิน

คุณแม่หลายท่านกังวลเรื่องการหาเงินมาให้ลูกใช้ไม่พอ เช่น ค่าเทอมลูก ที่เริ่มแพงขึ้นเรื่อยๆ , ค่าขนมลูกต่างๆนานา รวมทั้งของที่ลูกอยากได้และของจำเป็นที่ต้องใช้ ทำให้เกิดความเครียดในการใช้จ่ายเงิน วิธีแก้ คือ การทำรายรับ รายจ่าย ให้สมบูรณ์นั่นเองค่ะ จะช่วยคำนวณเรื่องรายจ่ายที่ใช้ไปในแต่ละเดือนได้เยอะเลย

 

2. เครียดเมื่อลูกป่วย

เมื่อลูกมีอาการป่วย คนเป็นแม่มักจะเกิดอาการวิตกกังวลว่า ลูกจะป่วยเป็นอะไร เป็นมากแค่ไหน เจ็บมากไหม แม่อยากเจ็บแทนลูกจัง และความคิดอื่นๆ อีกหลากหลายที่จะตามมา

 

3. กลัวการเปรียบเทียบระหว่างลูกเรากับลูกคนอื่น

ส่วนมากจะเป็นครอบครัวคนจีน ที่มักจะชอบเปรียบเทียบครอบครัวเรา กับครอบครัวอื่นๆ จนบางครั้งอาจทำให้คุณแม่น้อยเนื้อต่ำใจ แต่เก็บไว้ค่ะ มั่นใจว่าเราเลี้ยงลูกได้ดีแล้ว และห้ามทำอย่างนั้นกับลูก อย่าทำให้ลูกรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเปรียบเทียบ หรือโดนลดค่าของตัวเองลง

 

4. กลัวลูกโดนแกล้ง (Bully)

เมื่อลูกละสายตาจากเราแล้ว ความกังวลว่าเขาจะใช้ชีวิตได้อย่างไรเมื่อไม่มีเรา ก็จะถาโถมเข้ามาอย่างจังเลยค่ะ กลัวเพื่อนจะแกล้งและทำนิสัยไม่ดีกับลูกเรา จนบางครั้งต้องแอบดูลูกอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ในโรงเรียนนั่นเองค่ะ

 

5. การแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ

ยุคนี้เป็นยุคแห่งการแข่งขันที่แท้จริงค่ะ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เอามาแข่งขันกันได้หมด ทั้งการสอบเข้าโรงเรียนที่มีเด็กอยากเข้าเป็นจำนวนมาก จึงเกิดการสอบแข่งขัน เพื่อเข้าเรียนค่ะ

 

6. การดูแลตัวเองของคุณแม่

คุณแม่หลายคนเมื่อท้องแล้ว ก็ปล่อยปะละเลยตัวเองให้อ้วน ไม่สุขภาพดีเหมือนเดิม ยิ่งเมื่อคลอดลอดลูกแล้วจะโทรมขึ้นมากกว่าเดิม อาจทำให้สามีหมดเสน่ห์ในตัวคุณแม่ได้ ดังนั้น จึงต้องหันกลับมาดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตให้ดีอีกครั้งทั้งภายในและภายนอกค่ะ

 

7. กลัวอยู่ไม่ถึงลูกโต

ปัญหานี้เป็นความเครียดที่อยู่ลึกๆในจิตใจคุณแม่หลายคนค่ะ อยากเลือกที่จะเก็บไว้ ไม่คิดถึงมัน แต่เราควรเตรียมตัวให้ลูกพร้อมรับมือในทุกสถานการณ์จะดีกว่า บอกสิ่งที่ลูกจำเป็นต้องรู้เมื่อไม่มีแม่อยู่ และหัดให้ลูกทำสิ่งต่างๆ ตามความเหมาะสมของช่วงวัยบ้าง อย่าเลี้ยงให้เป็นไข่ในหิน ที่ทำอะไรไม่เป็นเลย ลูกจะลำบากเมื่อโตขึ้นค่ะ

 

8. กลัวพาลูกไปโรงเรียนไม่ทัน

เป็นปัญหาโลกแตกอีกหนึ่งปัญหาเลยค่ะ ในตอนเช้าๆ ความเครียดมักจะมาในเรื่องการหาอาหารเช้าในช่วงเวลาที่เร่งรีบแบบนี้ และต้องมาปวดหัวอีกรอบเมื่อต้องพาลูกเข้าโรงเรียนให้ทัน 8 โมงเช้าค่ะ เป็นกันทุกคนรึเปล่าเอ่ย

 

9. กลัวทำหน้าที่แม่และดูแลลูกได้ไม่ดีพอ

เป็นกังวลว่าเราอาจจะดูแลลูกได้ไม่ดีพอเท่าแม่คนอื่นๆ เขา แต่เราอยากให้คุณลบความคิดนี้ไปให้หมดเลยค่ะ เพราะว่าลูกจะมีความสุขที่สุด เมื่อได้อยู่กับพ่อแม่ที่รักและคอยดูแลช่วยเหลือเขาค่ะ

 

10. กลัวทำหน้าที่ภรรยาได้ไม่ดีพอ

เมื่อมีสามี ก็ต้องทำหน้าที่ภารรยาให้ดี ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร ดูแลบ้าน ดูแลเรื่องเสื้อผ้า ไหนจะดูแลลูกอีก และยังจะต้องทำงาน ซึ่งเป็นหน้าที่ที่หนักหน่วงมากๆ จนบางครั้งคุณแม่อาจเผลอละเลยหน้าที่บางอย่างไปบ้าง แต่ขอให้คุณแม่ทุกท่านเข้มแข็งและอดทน หรืออาจจะแบ่งหน้าที่กับสามีก็ได้ค่ะ เพื่อความเท่าเทียมกัน และไม่ขาดตกบกพร่องด้วย

 

11. กลัวทะเลาะกับลูก แล้วลูกงอน

เมื่อมีปัญหา จึงเกิดการโต้เถียงกันบ้างเป็นธรรมดาระหว่างแม่กับลูก จนบางครั้งเราไม่อยากให้ลูกงอนก็ต้องยอมปล่อยๆไป หลักสำคัญ คือ การไม่ชวนลูกทะเลาะ แต่ถ้าลูกชวนทะเลาะให้โอบกอดเขา แล้วค่อยๆอธิบายเหตุผลต่างๆที่แม่ทำแบบนี้ มันเพราะอะไร อย่าใช้น้ำเสียงดุ ค่อยๆพูด อย่าใจร้อนกับลูก เมื่อลูกโตขึ้นเขาจะใจเย็นและเป็นคนที่มีเหตุผลค่ะ

 

12. กลัวลูกไม่รัก หรือลูกไปรักคนอื่นมากกว่า

มีบางช่วงอารมณ์ที่เราหวงลูก ไม่อยากให้ลูกเข้าใกล้ใครหรือสนิทกับใครมากๆ เพราะเรากลัวลูกจะไม่รักเรา แล้วไปรักคนอื่นมากกว่า เห็นได้ชัดตอนที่จ้างพี่เลี้ยงมาเลี้ยงลูก แล้วลูกดูจะสนิทสนมกันเหลือเกิน วิธีแก้ คือ เลี้ยงลูกและดูแลลูกด้วยตัวเองจะดีว่า หากจำเป็นต้องพี่เลี้ยงมาจริงๆ ให้เลี้ยงเป็นบางเวลาเท่านั้น เพื่อกันเขาติดกันเกินไปค่ะ

 

13. กลัวการสูญเสีย

ทุกคนต่างกลัวการสูญเสียด้วยกันทั้งนั้น ยิ่งเรามีลูก จะรักและหวงมากเป็นพิเศษ จนบางครั้งเปลี่ยนเป็นความกลัว และกันให้ลูกไม่ต้องเจอกับสถานการณ์ร้ายๆ หรือต้องเสี่ยงอันตราย ดังนั้น ควรพูดให้ลูกได้รับรู้ว่าเราคิดอย่างไรบ้าง อย่าปกปิดเพราะลูกจะค้างคาใจ และไม่เชื่อใจเราอีกต่อไป

ความเชื่อใจของลูก เสียแล้วเสียเลยนะคะคุณแม่ ให้ย้อนกลับไปคงไม่ได้อีก

 

14. กลัวเป็นโรคซึมเศร้า และเบื่อลูก

โรคซึมเศร้ามักจะมาโดยที่คุณแม่ไม่ทันได้ตั้งตัว อาการของโรคจะกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน และกระทบกับสภาพจิตใจของลูกมาก หากไม่หาวิธีแก้ไขให้เร็วที่สุด จะเป็นผลร้ายแก่ตัวของคุณแม่เองค่ะ

 

15. กลัวทำลูกเสียชีวิต

บางครั้งเราอาจดูแลลูกได้ไม่ดีพอ หรือไม่ได้ให้ความสนใจมากเท่าที่ควร อาจเผลอทำลูกสำลัก และเสียชีวิตได้ เพราะฉะนั้นอย่าประมาทในการใช้ชีวิตและเลี้ยงดูเด็กทารกให้เขาเติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพ หากมีปัญหาใดๆเกิดขึ้นกับลูก ให้ปรึกษาแพทย์ทันที อย่ารอให้ลูกเป็นหนักก่อน แล้วค่อยพาไปหาหมอ

 

16. กลัวลูกเก็บเรื่องต่างๆ ไว้เป็นความลับ ไม่ปรึกษาพ่อแม่

เมื่อลูกโตขึ้น ก็จะเริ่มมีเรื่องต่างๆ ที่ไม่สามารถบอกเราได้ บางครั้งเด็กอาจไม่อยากให้เราไม่สบายใจไปด้วย เลยเลือกที่จะไม่บอกพ่อแม่ แต่กลับไปแก้ปัญหาคนเดียว การตัดสินใจของเขาอาจก่อให้เกิดปัญหาอย่างอื่นตามมา ดังนั้น หากเราอยากให้ลูกมาปรึกษา ระบายเรื่องต่างๆ กับเรา ต้องคอยซักถาม และทำให้ลูกไว้ใจ รวมทั้งให้คำแนะนำในทางที่ดี ให้กำลังใจในการดำเนินชีวิต

 

17. กลัวทำอาหารไม่อร่อย และกลัวทำไม่พอสำหรับความต้องการของคนในครอบครัว

อาหารเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ที่จะทำให้ครอบครัวเจอหน้ากัน และอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พูดคุยกันในเรื่องต่างๆ บนโต๊ะอาหาร คุณแม่อย่างเราจึงต้องทำหน้าที่นี้ให้สมบูรณ์ที่สุด นั่นคือ การทำอาหารให้อร่อยนั่นเอง บางคนที่ทำไม่อร่อยจึงเกิดความเครียด วิธีแก้ คือ ไปเรียนทำอาหาร หรือเรียนรู้จาก Youtube ทำเมนูแปลกๆไม่จำเจ จะช่วยเพิ่มรสชาติ และสีสันแก่ครอบครัวได้ค่ะ

 

18. กลัวเอาความเครียดไปลงที่ลูก

เมื่อชีวิตของคุณแม่มีปัญหาต่างๆ เข้ามารุมล้อมในทีเดียว จนบางครั้งอาจเผลอเอาความเครียดและปัญหานั้นไปลงที่ลูก จนเกิดการทะเลาะครั้งใหญ่ และความไม่เข้าใจกันและกันค่ะ ทางที่ดีควรจะควบคุมอารมณ์ และรู้จักวิธีจัดการกับความเครียดหรือปัญหาต่างๆ อย่าเอามาลงที่ลูก แต่ให้ค่อยๆอธิบายปัญหาต่างๆให้ลูกเข้าใจ และแก้ไขไปด้วยกันทั้งครอบครัวจะดีกว่า

 

19. กลัวอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

คุณแม่จะนั่งกังวลถึงอนาคตที่ไม่มีใครรู้ได้ ว่าหากเกิดเป็นแบบนี้ๆ จะเป็นอย่างไรต่อไป เรียกว่าเป็นคนที่ค่อนข้างคิดมากเลยก็ว่าได้ แนะนำให้คุณแม่อยู่กับปัจจุบัน และเลี้ยงลูก ดูแลสามีให้ดีที่สุด เท่านี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ

 

20. กลัวการเป็นคนที่ถูกลืม

คุณแม่หลายคนกลัวปัญหานี้มากๆ จนเกิดเป็นความเครียดสะสม กลัวว่าลูกจะลืมเราไหมเมื่อตอนเขาโตเป็นผู้ใหญ่ ที่พร้อมจะไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง? ถ้าลูกมีแฟนแล้วลูกจะลืมเรารึเปล่า? อยากแนะนำให้คุณแม่ลองเปิดใจ ปรับตัว และไม่คิดเยอะ เท่านี้ก็จะช่วยบรรเทาความเครียดลงไปเยอะเลยค่ะ

จบกันไปแล้วค่ะ สำหรับปัญหาความเครียดของคนเป็นแม่ทั้งหลายที่เราได้รวบรวมมาให้ดูกันในวันนี้ แต่ก็อย่ากลัว หรือเครียดจนเกินไปนะคะ เพราะลูกจะทำให้คุณมีความสุขมาก แบบที่คุณไม่เคยมีมาก่อนเลยค่ะ

Writer Profile : Mneeose

💙💙💙

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ชีวิตครอบครัว ชีวิตครอบครัว
18 สิงหาคม 2563
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save