fbpx

ทำไมผิวเด็กถึงแพ้ง่าย ? 4 สาเหตุที่ทำให้ผิวลูกระคายเคือง

Writer : Lalimay
: 23 พฤษภาคม 2562

เรื่องผิวของลูกเป็นหนึ่งในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่มักให้ความสำคัญเป็นพิเศษเพราะรู้สึกว่าผิวของลูกนั้นบอบบาง แค่มีผื่นขึ้นหรือบางทีผิวของลูกก็แห้งจนทำให้รู้สึกเป็นกังวล วันนี้เราจึงมีสาเหตุของการที่ทำให้ลูกระคายเคืองผิว รวมไปถึงวิธีการดูแลมาฝากคุณพ่อคุณแม่ทุกคนค่ะ

1. ผิวของเด็กบอบบางกว่าที่คิด

ผิวหนังเป็นปราการด่านแรกในการปกป้องร่างกายของเราจากเชื้อแบคทีเรียต่างๆ อีกทั้งยังช่วยควบคุมการสูญเสียน้ำออกจากร่างกาย ควบคุมอุณหภูมิและรับความรู้สึก ซึ่งในผิวของเด็กทารกนั้นก็มีหน้าที่แบบนี้เช่นกัน แต่ว่าผิวของเด็กทารกนั้นบางและอ่อนแอมากกว่าผิวของผู้ใหญ่

ถึงแม้จะประกอบด้วย 3 ชั้น คือ ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis), ชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Subcutis) แต่ว่าผิวหนังของเด็กกลับมีความบอบบางมากกว่าผู้ใหญ่ประมาณ 30% โดยเฉพาะผิวชั้นนอกสุดที่เซลล์ผิวยังเรียงตัวกันไม่แน่นเท่าชั้นผิวของผู้ใหญ่ และยังคงมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผิวทารกไวต่อสารเคมีมากๆ และมักเกิดอาการระคายเคืองได้ง่ายกว่า

นอกจากนี้ต่อมเหงื่อและต่อมไขมันของเด็กทารกก็ยังทำงานไม่ได้เต็มที่ จึงทำให้ผิวแห้งและเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ เมื่อเป็นดังนั้นจึงเห็นได้ว่าผิวของทารกมีความบอบบางและต้องการการปกป้องที่มากกว่าเพราะยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่นั่นเอง

2. สารเคมีที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผิว

พาราเบน (Paraben)

พาราเบน (Paraben) เป็นสารเคมีที่ใช้สำหรับกันเสีย พบได้มากในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดร่างกาย เช่น สบู่ แชมพู ครีมนวดผม โฟมล้างหน้า ครีมบำรุงต่างๆ รวมไปถึงในผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก โดยมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา ยีสต์และแบคทีเรีย ป้องกันไม่ให้เครื่องสำอางเสียง่าย

ดังนั้นจึงมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้สารพาราเบนว่าจะมีการสะสมในร่างกายเมื่อใช้ไปนานๆ หรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่เป็นสารเคมีย่อมอาจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว โดยเฉพาะในผิวที่บอบบางอย่างผิวของทารก ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารพาราเบนก็เป็นทางเลือกที่ดีในการปกป้องผิวของลูกที่บอบบางและแพ้ง่าย

พาทาเลต (Phthalates)

พาทาเลต (Phthalates) เป็นสารที่มีอยู่ในพลาสติก ทำให้พลาสติกอ่อนนิ่มและยืดหยุ่นขึ้น ด้วยคุณสมบัตินี้จึงได้มีการใส่สารนี้ลงไปในผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยเพิ่มความหนืดและป้องกันการแข็งตัว โดยพาทาเลตสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ผ่านการสัมผัสทางผิวหนัง การหายใจเข้าไป รวมไปถึงการกิน หากสะสมเป็นเวลานาน จะก่อให้เกิดความผิดปกติทางฮอร์โมนของเด็ก ทำลายตับและไตของเด็ก และมีผลต่อการทำงานของต่อมไร้ท่อภายในร่างกาย

สารซัลเฟต

สารซัลเฟต เป็นสารที่ลดแรงตึงผิวของน้ำ ทำหน้าที่จับตัวกับสิ่งสกปรก ทำให้คราบมันและสิ่งสกปรกหลุดออกได้ง่าย อีกทั้งยังทำให้เกิดฟอง โดยเฉพาะสารที่ชื่อว่าโซเดียม ลอริล ซัลเฟต (Sodium Lauryl Sulfate : SLS) ที่พบมากในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย เช่น สบู่ แชมพู โฟมล้างหน้า ซึ่งหากในผลิตภัณฑ์มีสารนี้ในปริมาณมากและล้างออกไม่หมดอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิว แสบตา ผิวแห้งและก่อให้เกิดการแพ้ได้

3. ผิวแห้ง

ด้วยความที่ต่อมเหงื่อและต่อมไขมันของเด็กทารกก็ยังทำงานไม่ได้เต็มที่ จึงทำให้ผิวแห้งและเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ ยิ่งอยู่ในห้องแอร์หรืออาบน้ำอุ่นบ่อยๆ ก็มีโอกาสที่ผิวลูกจะแห้ง แตกเป็นขุยได้ ซึ่งจะตามมาด้วยอาการคันหรือระคายเคืองได้ง่ายๆ ดังนั้นโลชั่นหรือครีมบำรุงก็เป็นส่วนช่วยสำคัญในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวของลูก

ซึ่งเราก็ควรเลือกโลชั่นสำหรับเด็กทารกที่อ่อนโยนต่อผิว เพิ่มความชุ่มชื้นและปราศจากสารที่ทำให้แพ้ค่ะ

4. ผิวของลูกขาดสกิน ไมโครไบโอม

ผิวของลูกน้อยมีเกราะป้องกันผิวที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดคือ สกิน ไมโครไบโอม (Skin Microbiome)

สกิน ไมโครไบโอมหรือจุลินทรีย์ชั้นดีที่อยู่บนผิวหนังของทารกตั้งแต่แรกเกิด โดยการเกิดเชื้อจุลินทรีย์นี้เริ่มตั้งแต่ในช่วงระหว่างการคลอดตอนที่ผิวหนังของแม่และลูกสัมผัสกัน ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเชื้อจุลินทรีย์ที่ดี รวมไปถึงการสัมผัสจากแม่สู่ลูกอย่างอ่อนโยนก็กระตุ้นการสร้างสกิน ไมโครไบโอมได้ด้วยเช่นกัน

ซึ่งสกิน ไมโครไบโอมนั้นจะทำหน้าที่เป็นเหมือนเสื้อเกราะของผิวที่จะช่วยยับยั้งการก่อตัวของเชื้อโรคพร้อมป้องกันการเกิดอาการแพ้และการอักเสบที่จะเกิดขึ้นกับผิวอันบอบบางของเจ้าตัวเล็ก และถ้าหากสกิน ไมโครไบโอมมีจำนวนน้อยลงก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวหนังของลูกเกิดการแพ้และอักเสบได้ง่าย ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนก็จะช่วยป้องกันการสูญเสียสกิน ไมโครไบโอมได้

เพราะตัวผลิตภัณฑ์ในการทำความสะอาดและดูแลผิวของทารกนั้นจะสัมผัสกับผิวของลูกโดยตรง การเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและนุ่มนวลต่อผิวลูกที่สุดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ไม่ว่าจะเป็นสบู่ แชมพู หรือโลชั่นบำรุงผิวก็ตาม นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ยังต้องเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอันบอบบาง และที่สำคัญจะต้องปราศจากสารเคมีอย่างพาราเบน พาทาเลต สารซัลเฟตรวมไปถึงสีสังเคราะห์ อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวของลูกน้อย

เพราะผิวของเด็กต้องการความอ่อนโยนเป็นพิเศษ

จอห์นสัน คอตตอนทัช (Johnson’s CottonTouch) สบู่เหลวอาบน้ำและโลชั่นสูตรที่อ่อนโยนที่สุด ปราศจากพาราเบน (สารกันเสีย) พาทาเลต (สารที่ช่วยเพิ่มความหนืดให้กับผลิตภัณฑ์) ซัลเฟต (สารที่ทำให้เกิดฟอง) และสีสังเคราะห์ จึงเหมาะสำหรับการดูแลผิวเด็กแรกเกิดจนถึง 1 ปีโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างกระบวนการสร้างสกิน ไมโครไบโอม (Skin Microbiome) ที่จะช่วยรักษาความสมดุลและความหลากหลายของแบคทีเรียบนชั้นผิวของลูก ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองแถมยังทำให้ผิวของลูกนุ่มชุ่มชื้นอีกด้วย

เห็นแบบนี้แล้วหากอยากดูแลผิวของเจ้าตัวเล็กก็สามารถหาซื้อ จอห์นสัน คอตตอนทัช (Johnson’s CottonTouch) ได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปเลยค่ะ

ข้อมูลอ้างอิง

 

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save